Tuesday, June 23, 2009

ไทยลีกขู่แบน ทีมชักดาบค่าปรับ ต้องจ่ายก่อนเลกสอง

คมชัดลึก : บ.ไทยพรีมียร์ลีก โดนลองของ สั่งลงโทษปรับทีมสโมสรไปเกือบ 2 แสนบาท แต่มี “ตะหานน้ำ” ราชนาวี-ระยอง จ่ายค่าปรับแค่ทีมเดียว 1 หมื่นบาท “ดร.ลูกหนัง” ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง วางเส้นตายก่อนเปิดเลกสองต้องเคลียร์ให้หมด ไม่งั้นอาจโดนแบนห้ามเตะ ขณะที่ กกท. ปันงบให้ 200 ล้านบาทไปปรับสนามใหม่
ตามที่ บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จก. ที่ดำเนินการจัดแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2009 และดิวิชั่น 1 ได้ลงโทษสั่งปรับเงินทีมสโมสรต่างๆจากกรณีที่มีการขว้างปาขวดน้ำและจุดพลุไฟในสนาม ซึ่งมีการสั่งลงโทษปรับเงินไปแล้วเป็นจำนวนเงินรวมกว่า 195,000 บาท แต่ปรากฏว่าถึงตอนนี้มีเพียงทีม “ตะหานน้ำ”ราชนาวี-ระยอง เพียงแค่ทีมเดียวเท่านั้นที่ได้มาจ่ายค่าปรับแล้วจำนวน 1 หมื่นบาท
สำหรับทีมในไทยพรีเมียร์ลีกที่ยังค้างจ่ายค่าปรับประกอบด้วย การท่าเรือไทย เอฟซี 45,000 บาท, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 30,000 บาท, ชลบุรี เอฟซี 30,000 บาท, จุฬา ยูไนเต็ด 10,000 บาท, ทีโอที เอฟซี 10,000 บาท, ทีทีเอ็ม สมุทรสาคร 5,000 บาท, พัทยา ยูไนเต็ด 5,000 บาท ส่วนทีมดิวิชั่น 1 มีเพียง 2 ทีมคือ รัตนบัณฑิต 55,000 บาท และ นครสวรรค์ 5,000 บาท รวมเป็นเงิน 195,000 บาท
“ดร.ลูกหนัง” ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จก.เปิดเผยว่า บริษัทฯต้องมีมาตรการเร่งรัดให้ทุกทีมมาชำระค่าปรับอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่ทำหนังสือเร่งรัดแจ้งให้ทราบก่อน แต่ถ้ายังไม่มีการดำเนินการก็ต้องหามาตรการอื่นเพิ่ม อาจจะเป็นการหักเงินรางวัลหรือสั่งระงับห้ามให้ลงเล่น ตอนนี้วางเส้นตายไปแล้วว่าก่อนเปิดเลกสองในวันที่ 25 กรกฏาคมทุกทีมต้องเครียร์ให้หมด หากยังไม่เคลียร์อาจจะแบนไม่ให้เตะในเลกสอง
ด้าน “บังยี” วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นประธานติดตามความคืบหน้าการจัดแข่งขันฟุตบอลอาชีพของประเทศไทย ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลฯ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการพัฒนาการและปรับปรุงจัดการแข่งขันฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และ ดิวิชั่น 2 รวมถึงฟุตบอลไทยวีเมน พรีเมียร์ลีก ที่เพิ่งปิดฤดูกาล
ที่ประชุมมีมติให้เร่งดำเนินการอบรมผู้ตัดสินและผู้ควบคุมการแข่งขัน ออกข้อบังคับมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับสโมสรเพิ่มเติม ออกระเบียบกำหนดคุณสมบัติผู้เล่นต่างชาติและการทำใบอนุญาตประกอบอาชีพ หรือ “เวิร์กเพอร์มิต” อย่างถูกต้องผ่านกระทรวงแรงงาน ส่วนฟุตบอลไทยวีเมนพรีเมียร์ลีก จะมีการสรุปและประเมินการแข่งขันในการประชุมคณะกรรมการจัดฯ ช่วงปลายเดือนมิถุนายน
ส่วนเรื่องของงบประมาณที่ล่าสุดรัฐบาลได้มีการอนุมัติงบประมาณสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้กับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจำนวน 2,000 ล้านบาท ก่อนจะจัดสรรมาให้ การกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 1,580 ล้านบาท โดยรอบแรกคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาให้แล้วจำนวน 678 ล้านบาท และรอบที่สองที่ต้องรอผ่านการอนุมัติอีก 902 ล้านบาท ซึ้งงบประมาณบางส่วนจำนวน 200 ล้านบาทจะถูกนำมาใช้พัฒนาการแข่งขันฟุตบอลอาลีกอาชีพ
สำหรับงบประมาณจำนวน 200 ล้านจะถูกนำมาปรับปรุงสนามฟุตบอลที่ใช้แข่งขันไทยพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และ ดิวิชั่น 2 แต่มีข้อแม้ต้องเป็นสนามของรัฐบาบเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อต้องการปรับปรุงสนามฟุตบอลให้ได้มาตรฐานตามที่ สหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) กำหนดไว้ โดยหลักเกณฑ์พิจารณาให้งบประมาณสนามต่างๆ นอกจากจะเป็นสนามของรัฐบาลแล้ว สโมสรนั้นๆต้องมีศักยภาพและความมั่นคงอย่างเช่นสโมสรฟุตบอลชลบุรี เอฟซี เป็นต้น

แบโผ!ลูกครึ่งสวิสติดธงไทยซดหงส์

ปีเตอร์ รีด กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย เปิดโผ 26 นักเตะชุดเตรียมอุ่นเครื่องกับทีม ลิเวอร์พูล เรียบร้อยแล้ว แข้ง "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี แชมป์ไทยลีกเลกแรก ติดเยอะสุด 8 คน พร้อมมี "ลีซอ" ธีรเทพ วิโนทัย ดาวยิงจากสโมสรเค ลีร์เซ่ ของลีก เบลเยียม รวมทั้ง ปีเตอร์ แลง แข้งลูกครึ่งไทย-สวิส ของเอฟซี ชาร์ฟฟ์เฮาเซ่น ด้วย กุนซือชาวผู้ดี เผยนี่คือการผสมผสานของทีมชาติไทยชุดใหญ่กับชุดซีเกมส์ มั่นใจมีประโยชน์ต่อทีมแน่นอน

ความเคลื่อนไหวของนักเตะทีมชาติไทย ชุดเตรียมทีมไว้สู้ศึกเกมอุ่นเครื่องนัดพิเศษกับทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล วันที่ 22 ก.ค.นี้ ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปีเตอร์ รีด กุนซือใหญ่พร้อมทีมงาน สตีฟ ดาร์บี้ ได้เสนอชื่อไปยังสมาคมฟุตบอลฯ เพื่อเรียก 26 นักเตะชั้นนำของไทย เข้าร่วมฝึกซ้อม วันที่ 29 มิ.ย.นี้แล้ว

ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู โกสินทร์ หทัยรัตนกุล (ชลบุรี เอฟซี), กิตติศักดิ์ ระวังป่า (โอสถสภาเอ็ม150), กวิน ธรรมสัจจานนท์ (เมืองทองฯ ยูไนเต็ด)

กองหลัง สุรีย์ สุขะ, ณัฐพงษ์ สมณะ, เกียรติประวุฒิ สายแวว, สุทธินันท์ พุกหอม (ชลบุรี เอฟซี), ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์ (เมืองทองหนองฯ), รังสรรค์ วิวัฒน์ ชัยโชค, ภานุพงษ์ วงษ์ศา (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค)

กองกลาง อดุลย์ หละโสะ, สุรัตน์ สุขะ, อาทิตย์ สุนทรพิช (ชลบุรีเอฟซี), ณรงค์ชัย วชริบาล (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค),พิชิตพงษ์ เฉยฉิว (เมืองทองฯ ยูไนเต็ด), สุเชาว์ นุชนุ่ม (ทีโอที), ปีเตอร์ แลง (เอฟซี ชาร์ฟฟ์เฮาเซ่น), สุธี สุขสมกิจ(แทมปิเนสโรเวอร์), คัพฟ้า บุญมาตุ่น (โอสถสสภาเอ็ม 150), ดัสกร ทองเหลา, ศักดา เจิมดี, นิรุจน์ สุระเสียง (ฮองอันยาลาย)

กองหน้า ธีรศิลป์ แดงดา (เมืองทองฯ ยูไนเต็ด), รณชัย รังสิโย (การไฟฟ้าฯ), ธีรเทพ วิโนทัย (เค รีสเซ่), กีรติ เขียวสมบัติ (ทีโอที)

โดยทั้งหมดนั้น มีนักเตะจากทีมแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก เลกแรกคือ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ถึง 8 คนด้วยกัน รองลงมาเป็นสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด 4 คน, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค 4 คน, สโมสรโอสถสภาเอ็ม 150 อีก 2 คน, สโมสรทีโอที 2 คน, สโมสรฮองอัน ยาลาย ในเวียดนาม 3 คน และสโมสรแทมปิเนสโรเวอร์ ในเอสลีก สิงคโปร์, สโมสรเอฟซี ชาร์ฟฟ์เฮาเซ่น ในสวิตเซอร์แลนด์ และสโมสรเค ลีร์เซ่ ในเบลเยียม อย่างละ 1 คน แต่เป็นที่น่าสังเกตุว่า ไม่มีชื่อนักเตะจากทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี ทีมรองแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกเลกแรกติดโผเข้ามาสักคน นอกจากนั้นยังเป็นเกมแรกของ ปีเตอร์ แลง ที่จะได้รับใช้ทีมชาติไทยเป็นเกมแรกอีกด้วย

สำหรับประวัติของ ปีเตอร์ แลง เกิดเมื่อวันที่16 เมษายน 2530 ส่วนสูง 1.80 ซม.น้ำหนัก 74 กก.ตำเเหน่ง กองหลัง, กองกลาง สังกัดสังกัดสโมสร เอฟซี ชาร์ฟฟ์เฮาเซ่น ผลงานในระดับเยาวชน เริ่มเล่นกับสโมสรเอฟซี บาเซิ่ล ยู-21, เอสซี ไฟร์บวร์ก, เอฟซี วินเตอร์ธูร์, เอฟซี อาร์ทสเต็ทเท็น ส่วนทีมชาติ ติดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ลงเล่นไป 1 นัด

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก "บิ๊กง้วน" ธารา พฤกษ์ชะอุ่ม ผู้ประสานงานทีมชาติไทย เกี่ยวกับ 26 นักเตะที่เรียกเข้ามาเตรียมทีมก่อนเล่นกับลิเวอร์พูลว่า ปีเตอร์ รีด ต้องการที่จะให้โอกาสกับนักเตะที่เล่นมานาน และดาวรุ่งที่ยังสามารถใช้งานในชุดซีเกมส์ได้ ถือว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัว และน่าจะเป็นนักเตะที่ดีที่สุดของเมืองไทยในตอนนี้

นอกจากนั้นยังอยากที่จะเห็นฟอร์มของนักเตะไทย ที่เล่นในต่างประเทศ ที่เขายังไม่มีโอกาสได้เห็น อย่าง ศักดา เจิมดี กับ นิรุจน์ สุระเสียง ก็พร้อมจะเรียกมาใช้งานดูรวมทั้ง ปีเตอร์ แลง นักเตะลูกครึ่งไทย-สวิส ที่ฝีเท้าใช้ได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ดี ปีเตอร์ รีด เชื่อว่าจะเป็นการผสมผสานที่ลงตัวและให้ประโยชน์กับทีมชาติไทยชุดใหญ่และชุดซีเกมส์ ที่มีภาระกิจที่จะต้องลงเล่นในช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ นักเตะทีมชาติไทยทั้ง 26 คนขอให้มารายงานตัว วันที่ 29 มิ.ย.นี้ ที่รร.เรดิสัน พระราม 9 เพื่อเก็บตัวฝึกซ้อมต่อไป

แข้งฉาวอาร์แบค โดนโทษแบน 3 ปีขุนแผนไม่ส่งบอลเอฟเอ คัพ

ฟันแข้งนักเลง “ธงศักดิ์ แสนหล้า” นักเตะนักมวยของรัตนบัณฑิต ในลีกดิวิชั่น 1 เป็นเวลา 3 ปี รอสภาฟันธง ขณะที่ 2 แข้งโต๊ะเล็กที่เปิดมวยนอกสังเวียน กิตติพงษ์ โพธิ์ชัย และกิลเลอร์เม ดา ซิลวา “คาซูซ่า ส่อถูกแบนแน่ ขณะที่สุพรรณบุรีไม่ส่งทีมหวดเอฟเอ คัพ

ที่ห้องประชุมสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด เป็นประธานประชุมสรุปงานประจำสัปดาห์ ได้ข้อสรุปสาระสำคัญว่าในการแข่งขันเลกสองจะขอความร่วมมือจากแต่ละสโมสร ในการดูแลการแข่งขันให้เป็นไปอย่างเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันในส่วนของเงินค่าปรับที่ผ่านมา ต้องการให้แต่ละทีมสะสางให้เรียบร้อยเพราะเงินเหล่านี้จะไม่ไปไหน โดยบริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด จะนำมาตั้งเป็นเงินรางวัลให้นักเตะมารยาทดี และทีมมารยาทยอดเยี่ยมต่อไป

ส่วนการย้ายทีมของ อารีฟ เปาะจิ จากนราธิวาส ทีมดิวิชั่น 2 มาเล่นกับการท่าเรือไทย ในเกมพบ ชลบุรี เมื่อ 20 มิถุนายน ที่ผ่านมา ดร.วิชิต ชี้แจงว่า ปัจจุบันดูแลเฉพาะในระเบียบของไทยลีก และดิวิชั่น 1 เท่านั้น ส่วนดิวิชั่น 2 แยกตัวออกไป แม้จะอยู่ในเส้นทางลีกเดียวกัน ถือว่าไม่ผิดระเบียบ แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายังมีข้อบกพร่อง ดังนั้นวันที่ 30 มิถุนายน จะมีการประชุมเพื่อแก้ไขร่างระเบียบให้รัดกุมขึ้น โดยขั้นต้นจะเสนอให้ยืดระยะเวลาการย้ายทีมออกไปให้สิ้นสุดวันที่ 21 หรือ 31 สิงหาคม แทนที่จะเป็นก่อนเปิดเลกสอง

นอกจากนี้ “ป๋าดม” อุดม อนันตพงษ์ ประธานฝ่ายพิจารณามารยาท วินัย และข้อประท้วง เปิดเผยถึงการลงโทษ ธงศักดิ์ แสนหล้า นักเตะรัตนบัณฑิต ที่เจตนาทำร้ายผู้ช่วยผู้ตัดสินในเกมพบ เทศบาลเมืองปราจีนบุรี เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าได้ทำเรื่องเสนอสภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลไปแล้วให้ห้ามลงสนามเป็นเวลา 3 ปี แต่จากนี้ไปคงต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป

รอลงโทษ 2 แข้งนักมวยโต๊ะเล็ก

ตามที่เกิดเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยกันในการแข่งขันไทยแลนด์ ฟุตซอลลีก เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา ระหว่าง กิตติพงษ์ โพธิ์ชัย นักเตะบางกอกกล๊าส กับ กิลเลอร์เม ดา ซิลวา "คาซูซ่า" ของแคท เทเลคอม

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ที่ผ่านมา “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานฝ่ายจัดการแข่งขันไทยแลนด์ ฟุตซอลลีก เปิดเผยว่า เท่าที่สอบถามไม่มีบุคคลใดเห็นเหตุการณ์ที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นเหตุไม่คาดฝัน ได้แค่เข้ามาช่วยปรามหลังจากเกิดเหตุแล้วเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นอำนาจนอกเหนือที่ผู้ตัดสินจะเข้าไปมีส่วน เนื่องจากอยู่ในช่วงการพักครึ่ง และหลังจบการแข่งขันทำให้ผู้ตัดสินไม่เห็นเรื่องทั้งหมด

“อย่างไรก็ตามจะเชิญ นายศรัณย์ ไทยบรรเทา ผู้จัดการทีมแคท เทเลคอม และนายชัยศักดิ์ จรรยาเวโรจน์ ผู้จัดการทีมบางกอกกล๊าส เข้ามาร่วมหารือ รวมไปถึงคู่กรณีนักเตะทั้ง 2 คนด้วย คาดว่าวันพุธที่ 24 มิถุนายนนี้ น่าจะได้พูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพิจารณาก่อนประกาศผลได้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า”

“บิ๊กป๋อม” กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ทั้งหมดถือเป็นเรื่องต่อเนื่องจากการแข่งขัน ดังนั้นจะต้องมีบทลงโทษแก่นักเตะทั้ง 2 คนอย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมาอีก แต่อย่างไรก็ตามโปรแกรมการแข่งขันวันที่ 24 และ28 มิถุนายนนี้ ทั้งคู่จะยังคงสามารถลงสนามได้ตามปกติ

สุพรรณฯ ไม่ส่งหวดเอเอฟ คัพ

ส่วนการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ ที่จะมีการจับสลากประกบคู่ วันที่ 23 มิถุนายนนี้ เวลา 14.00 น. ที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้บทสรุปในรอบแรกแล้ว มีทีมจากลีกภูมิภาค ดิวิชั่น 2, ถ้วยพระราชทาน ข-ค-ง ส่งเข้าร่วมทั้งสิ้น 47 ทีมทำให้ต้องแบ่งรอบคัดเลือกเป็น 2 รอบ แต่จะมี 1 ทีมได้บายไปรอเล่นรอบสอง ร่วมกับทีมจากดิวิชั่น 1 ทันที เนื่องจากสุพรรณบุรี ทีมโควตาดิวิชั่น 1 ไม่ส่งทีมเข้าร่วมโดยไม่ได้ให้เหตุผล แต่คาดว่าน่าจะมาจากปัญหาการเงินภายในทีม

ฉลามชลลั่นน็อกเมดานฉลุยเอเอฟซีคัพ

"ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี แชมป์ไทยลีกเลกแรก ประกาศน็อก พีเอสเอ็ม เมดาน จากอินโดนีเซีย ใน 90 นาที ให้ได้ ศึกเอเอฟซี คัพ รอบ 16 ทีม วันที่ 23 มิ.ย.นี้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ เตรียมส่ง สุรัตน์ สุขะ ยืนเป็นจอมทัพเต็ม 90 นาที ก่อนลาไปเมลเบิร์น วิคเตอรี่ สั่งห้ามประมาท หวั่นโดนเกมโต้กลับทำพิษ แต่มั่นใจศักยภาพทีมกินขาด ส่วนกองหน้าตัวใหม่ ไมเคิ่ล เบิร์น เตรียมปรับให้เล่นกลางรุก

ความเคลื่อนไหวของศึก "เอเอฟซี คัพ" รอบ 16 ทีมสุดท้าย ของทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ตัวแทนจากประเทศไทย แชมป์กลุ่มจี ที่จะพบกับ พีเอสเอ็ม เมดาน อันดับ 2 กลุ่มเอฟ จากอินโดนีเซีย วันที่ 23 มิ.ย.นี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เวลา 18.30 น. โดยจะแข่งขันแค่นัดเดียวหาทีมเข้าไปเล่นรอบ 8 ทีมต่อไป ถ้าหากเสมอในเวลาจะต่อเวลาครึ่งละ 15 นาที และ 2 ครึ่งถ้ายังเสมออีก จะตัดสินด้วยการยิงจุดโทษทันที

ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดแถลงข่าวความพร้อมของทั้ง 2 ทีมที่สนามราชมังคลาฯ โดยมี ดร.กษม ชนะวงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนสมาคมฟุตบอลฯ ขณะที่ ชลบุรี มี "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ พร้อมกับตันทีม พิภพ อ่อนโม้ ฝั่ง พีเอสเอ็ม เอส เมดาน ทีมอันดับ 15 ของอินโดนีเซียลีก มี รุจน์ วิลเลี่ยม โค้ชชาวอินโดฯ พร้อมด้วย เอสเตบัล นักเตะชาวอาร์เจนตินา มาพูดถึงความพร้อมของทีม และยังมีการประชุมผจก.ทีมต่อ

"ซิโก้" เผยว่า "นัดนี้สำคัญกับเรามาก เพราะถือว่าเป็นตัวแทนของทีมจากเมืองไทย ในการลงสนาม โดยจะส่งชุดใหญ่ที่พร้อมที่สุดลงเล่น เนื่องจากเราหมุนเวียนนักเตะหลายคนเพื่อรอเล่นเกมนี้ โดยจะเล่นอย่างรัดกุมไม่ ประมาทเด็ดขาด เพราะที่ผ่านมา ชลบุรี พลาดเสียประตูจังหวะโต้กลับค่อนข้างจะบ่อยครั้ง ต้องเน้นเป็นพิเศษด้วย แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เนื่องจากศึกษาข้อมูลของทีม พีเอสเอ็มเอส เมดาลจากอินเตอร์เนต และคลิปต่างๆ มาพอสมควร เลยทีเดียว เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะได้ภายใน 90 นาที ไม่ต้องยืดเยื้อถึงต่อเวลาหรือการยิงจุดโทษ"

กุนซือใหญ่ ชลบุรี กล่าวต่อว่า "ส่วนเรื่องการปรับมาเล่นที่สนามราชมังคลาฯ ไม่น่าจะมีปัญหา อาจจะดีด้วยซ้ำเพราะสนามกว้าง นักเตะทุกคนเคยเล่นที่นี้มาแล้ว เกมนี้จะเป็นแมตช์สุดท้ายของ สุรัตน์ สุขะ กองกลางที่จะลงเล่นก่อนย้ายไปอยู่กับเมลเบิร์น วิคตอรี่ ในออสเตรเลีย คงจะให้ สุรัตน์ เล่นเต็ม 90 นาที เพื่อลาแฟนๆ ชลบุรีไปในตัว ส่วนหลังเกมจะมีพิธีเล็กๆ น้อยๆ จากเพื่อนๆ น้องๆ ในทีมด้วย"

ขณะที่ พิภพ อ่อนโม้ หัวหอกกัปตันทีม ชลบุรี เผยว่า "เกมเจอกับ พีเอสเอ็ม เอส เมดาน น่าจะสนุกอย่างแน่นอน เพราะเกมนัดนี้ทุกคนในทีมหวังที่จะเอาชนะ ยังไงอยากให้แฟนบอลเข้ามาเชียร์กันมากๆ และชลบุรี พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อ"

สำหรับ 11 นักเตะที่คาดว่าจะลงสนาม ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู โกสินทร์ หทัยรัตนกุล กองหลัง ชลทิศย์ จันทร์คาม กับ สุทธินันท์ พุกหอม แบ็กซ้าย ณัฐพงษ์ สมณะ แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ กองกลาง สุรัตน์ สุขะ, ภานุวัฒน์ จินตะ ด้านซ้าย อาทิตย์ สุนทรพิธ ด้านขวา เอกพันธ์ อินทะเสน กองหน้า พิภพ อ่อนโม้ คู่กับ โคเน่ โมฮัมเหม็ด ดาวซัลโวไทยลีก ที่ซัดไปแล้ว 9 ประตู

ส่วน รุจน์ วิลเลี่ยม โค้ชของ พีเอสเอ็ม เมดาน กล่าวว่า ชลบุรี เป็นทีมที่เปี่ยมไปด้วยดาวรุ่งเต็มทีมน่ากลัวมากๆ แถมเล่นกันด้วยทีมเวิร์คอีกด้วย แต่การเจอกันในนัดนี้ก็ทำการบ้านมาพอสมควร ทั้งการดูเทปศึกษาเกมของชลบุรี และได้ส่งทีมงานมาดูเกมชลบุรี พบกับ ท่าเรือฯ แล้วด้วย

"ทีมเราทำงานทุกนัดทำด้วยความหวัง และมั่นใจว่าจะสู้ได้ ผมเชื่อว่าจะสามารถสู้กับชลบุรี ได้อย่างสูสีโดยจะส่งนักเตะตัวนอกทั้งบราซิล, อุรุกวัย และ อาร์เจนตินา ลงสนาม จะเน้นที่การตั้งรับให้แน่นและโต้กลับเร็ว และหวังผลชนะออกจากสนาม แต่ถ้าหากชลบุรี ผ่านเราไปได้เชื่อว่าพวกเขามีดีพอที่จะคว้าแชมป์เอเอฟวี คัพได้"

ขณะที่ เอสเตบัล กองหลังชาวอาร์เจนตินา กล่าวว่า ได้ดูเกมของชลบุรีมาเยอะ มั่นใจว่าการมาเล่นนอกบ้านครั้งนี้จะสามารถสู้กับชลบุรีและชนะกลับไปได้แม้จะเป็นเกมที่ต้องเหนื่อยแบบสาหัสก็ตาม

โดยทีม พีเอสเอ็มเอส เมดาน ได้เข้ามาเล่นเอเอฟซี คัพในฐานะแชมป์ ซีราจายา คัพ หรือแชมป์เอฟเอ คัพอินโดฯ ขณะนี้อยู่อันดับ 15 จาก 18 ทีมในอินโดนีเซียลีก จะต้องหนีตายในช่วงท้ายฤดูกาลอย่างหนักเช่นกัน เนื่องจากเอา 3 ทีมตกชั้น นอกจากนั้นในช่วงเปิดฤดูกาล ยังมาด้วยผลงานที่ย่ำแย่ ทางทีมเปลี่ยนโค้ชมาแล้วถึง 5 คนโดย รุจน์ วิลเลี่ยม เพิ่งมารับงานคุมทีมได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น

สำหรับค่าบัตรผ่านประตูเกมนัดนี้ราคา 100, 200 บาท โดยจะขายบริเวณหน้าสนามตั้งแต่เวลา 15.00 น. ซุ้มแฟนโซน และยังมีของที่ระลึกจากสโมสรด้วย ขณะทีทรูสปอร์ต 2 จะถ่ายทอดสด เวลา 18.30 น.

นอกจากนั้น ชลบุรี เอฟซี ยังเสริมทัพด้วยการซื้อตัวไมเคิ่ล เบิร์น จากนครปฐมเอฟซี ด้วยค่าตัว 6.9 แสนบาท พร้อมค่าเหนื่อยเดือนละ 9 หมื่นกว่าบาทมาร่วมทัพเรียบร้อยแล้ว ด้วยสัญญา 1 ปีครึ่ง โดยคาดว่าจะร่วมทัพในเลก 2 ทันที และถ้าหากชลบุรี ได้เข้ารอบ 8 ทีม ศึกเอเอฟซี คัพ จะมีโอกาสลงเล่นด้วย

นอกจากนี้ กุนซือใหญ่ฉลามชลฯ เผยว่า "ตอนนี้ทีมเราค่อนข้างจะขาดกองกลางตัวรุก คิดว่าคงจะเอา ไมเคิ่ล เบิร์น มายืนตำแหน่งนี้ น่าจะเหมาะกว่าเอาไปเล่นศูนย์หน้าที่เรามีทั้ง พิภพ อ่อนโม้ กับ โคเน่ โมฮัมเหม็ด ที่ลงตัวอยู่แล้ว ส่วนกองกลางตัวรุกมีแค่ ภานุวัฒน์ จินตะ ยังไม่ค่อยสมบูรณ์ สักเท่าไหร่"

บิ๊กป๋อมรับสอบเองคดีฟาดปากโต๊ะเล็กลีก

"บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ ประธานจัดฟุตซอลลีก อาสาสอบสวนคดีฟาดปาก ทั้งช่วงพักครึ่งและหลังจบเกม ของ กิตติพงษ์ โพธิ์ชัย นักเตะบางกอกกล๊าส กับ คาซูซ่า แข้งแซมบ้าจาก แคท เทเลคอม หลังไร้พยานเห็นเหตุการณ์ แต่ยังให้โอกาสลงสนาม ในเกมวันพุธที่ 24 มิ.ย.นี้ บอกขอเวลารวบรวมหลักฐาน 1 สัปดาห์ ผิดจริงลงดาบแน่ ส่วนเกมนัดมิดวีกพุธนี้ บิ๊กแมตช์ ชลบุรี บลูเวฟ จ่าฝูงหมาดๆ ปะทะ กทม. ที่เลกสองเปิดมายังไม่แพ้ใคร ที่เดอะมอลล์ บางแค

การแข่งขัน ไทยแลนด์ฟุตซอลลีก 2009 กลับมาเตะนัดมิดวีก วันพุธที่ 24 มิ.ย. นี้ เป็นเกมที่ 17 มีอีก 6 คู่ โดยนัดนี้จะย้ายไปฟาดแข้งที่โซนกรุงเทพใต้ ที่เดอะมอลล์ บางแค หลังจากผ่านเกมที่ระอุในนัดที่ 16 ที่ผ่านมา ทำให้ตารางอันดับมีการเปลี่ยนแปลง

ซึ่งจ่าฝูงได้เปลี่ยนมือจาก แคท เทเลคอม ไปเป็น ชลบุรี บลูเวฟ ที่มี 38 คะแนน ส่วน แคท เทเลคอม ตามอยู่ 2 แต้มมี 36 คะแนน อันดับสามเป็น ไอแอม สปอร์ต มี 33 คะแนน ส่วนท้ายตารางมีการเปลี่ยนแปลงหลังจาก ม.รัตนบัณฑิตย์ เก็บชัยชนะได้ ทำให้หนีรองบ๊วยไปอยู่อันดับ 10 และ นนทบุรี ตกลงมาแทน ส่วน ม.ศรีปทุม รั้งอันดับสุดท้ายไม่ขยับ

โดยเกมวันพุธที่ 24 มิ.ย.นี้ ไฮไลต์อยู่ที่ ชลบุรี บลูเวฟ ทำศึกใหญ่กับ กรุงเทพมหานคร ที่นับวันยิ่งเล่นยิ่งแรง เปิดมาเลกที่สองยังไม่แพ้ใครมี 28 คะแนนล่าสุดเพิ่งถล่ม ทีโอทียับ 5-1 เกมนี้สนุกแน่นอน สถิติพบกันคู่นี้เลกแรกเสมอกันมา 4-4 อีกต่างหาก

อย่างไรก็ดี ชลบุรี บลูเวฟ ยังคงเป็นต่ออยู่พอสมควร ด้วยตัวทีมชาติชุดเล็กที่เพิ่งคว้าแชมป์อาเซียนมา ส่วนตัวชุดใหญ่ก็เป็นชุดชิงแชมป์โลก อาทิ ภาณุวัฒน์ จันทา, อนุชา มั่นเจริญ, เอกพงค์ สุรัตน์สว่าง ส่วนกรุงเทพฯ นั้นมี ภานุพงศ์ อารัมภ์วิโรจน์ และสรรเพชร แก้วช่วย ที่เป็นตัวหลัก

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันทุกคู่ วันพุธ ที่ 24 มิ.ย มีดังต่อไปนี้ สุราษฎร์ธานี พบ การท่าเรือแห่งประเทศไทย, บางกอกกล๊าส พบ ราชนาวี, รัตนบัณฑิต พบ ไอแอม สปอร์ต, ชลบุรีบลูเวฟ พบ กรุงเทพมหานคร, ทีโอที พบ ศรีปทุม, แคท เทเลคอม พบ นนทบุรี เริ่มเวลา 10.00 น.ที่สนามเดอะมอลล์ บางแค

ส่วนกรณีเกิดเหตุวิวาทฟาดปากกัน ระหว่างพักครึ่งและหลังเกมการแข่งขัน ระหว่าง กิติพงษ์ โพธิ์ชัย นักเตะร่างใหญ่บางกอกกล๊าส ดีกรีทีมชาติแชมป์อาเซียนกับ คาซูซ่า หรือ ชื่อจริง จิลเลอเม่ ซิลวา ของ แคท เทเลคอม ซึ่งมีหุ่นน้องๆ ยักษ์นั้น

ล่าสุดทาง "บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ ประธานจัดการแข่งขันฟุตซอลลีกเปิดเผยว่า หลังจากที่ตนเองได้ไปซักถามฝ่ายต่างๆ ที่เป็นกลางไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ 2 ทีมนั้น ส่วนใหญ่จะได้ความว่า ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์กับตา ทุกคนจะเข้ามาหลังจากมีเรื่องกันแล้ว จึงไม่รู้ว่าเหตุการณ์จริงมันเป็นอย่างไร มีแต่คำบอกเล่า อีกทั้งยังไม่มีการรายงานจากคณะกรรมการและผู้ตัดสินอีกด้วย เพราะทั้งคู่มีเรื่องอยู่นอกสนาม ไม่ไช่ในเกมแข่งขัน

ดังนั้นตนจึงตัดสินใจว่าจะเข้ามาสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีหลายคนที่เห็นที่เกี่ยวกับทีม แต่สามารถที่จะเชื่อถือได้อย่างคุณ ศรันย์ ไทยบรรเทา ผจก.ทีมของ แคทเทเลคอม หรือผู้ใหญ่ของบางกอกกล๊าส หรือกระทั่ง กิติพงษ์ ซึ่งเป็นนักเตะทีมชาติเองด้วย คาดว่าเรื่องนี้จะสอบสวนและพิจารณาแล้วเสร็จจนประกาศผลได้ในสัปดาห์หน้า

ส่วนเรื่องการติดโทษแบน หรือการห้ามลงแข่งขัน ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ เพราะผู้เล่นทั้งสองไม่ได้โดนใบเหลืองใบแดง ทางผู้ตัดสินเองก็ไม่เห็นเหตุวิวาทนั้น เพียงแต่มันเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องระหว่างที่ทำการแข่งขัน ซึ่งคงจะต้องมีบทลงโทษตามมาภายหลัง

เพียงแต่ต้องไปสืบหาข้อเท็จจริงก่อน เหตุการณ์นี้ตนคงจะเก็บเอามาเป็นกรณีตัวอย่าง แต่เกมวันพุธนี้ทั้ง คาซูซ่า และ กิตติพงษ์ โพธิ์ชัย ยังคงเล่นได้เพราะในระเบียบการแข่งขันนั้น ไม่ได้เขียนบทลงโทษนอกเหนือจากใบเหลืองใบแดงเอาไว้ ซึ่งก็ต้องใช้การพิจารณาเป็นกรณีพิเศษขึ้นมา และจะส่งทีมสอบสวนต่อไป

นครปฐมส่อถังแตกสถิตย์พ้อหมดงบแล้ว

ทีม "เมืองส้มโอ" นครปฐม ส่อเค้าจะเป็นทีมถังแตก สถิตย์ ทวีนุช ผจก.ทีมสารภาพตัดใจขาย ทั้งๆที่เสียดายฝีเท้าของไมเคิ่ล เบิร์น แข้งชาวเวลส์ ให้กับ ชลบุรี เอฟซี เพื่อนำเงินมาประคับประคองสโมสรที่ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนักหลังช่วงที่ผ่านมาไม่มีสปอนเซอร์จนต้องควักเงินส่วนตัวทำทีมไปแล้วถึง 3 ล้านกว่าบาท พ้อผู้ใหญ่ในจังหวัดไม่เคยเหลียวแลแถมสปอนเซอร์ก็ยังไม่ให้งบ

บิ๊กทีม "เมืองส้มโอ" นครปฐม เอฟซี หลังจากตัดใจขายเพลย์เมกเกอร์ทีเด็ดของทีมอย่าง ไมเคิ่ล เบิร์น ให้กับทีม "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ด้วยค่าตัว 6 แสนบาท สถิตย์ ทวีนุช ผจก.ทีมออกมาเปิดใจกับนสพ.สยามกีฬาถึงอนาคตของทีมที่ทำท่าจะกลายเป็นทีมถังแตกและอาจจะประคองตัวจนจบฤดูกาลนี้ไม่ได้รวมถึงเหตุผลที่ต้องตัดใจปล่อยนักเตะชาวเวลส์พ้นทีมไปว่าเพื่อต้องการนำเงินที่ได้จากค่าตัวของนักเตะรายนี้มาจุนเจือเลี้ยงสโมสร

"บิ๊กถิต" ผจก.ทีม นครปฐม เอฟซี ที่จบเลกแรกได้ด้วยอันดับ 11 จากผลงานเตะ 15 นัด ชนะ 4 เสมอ 5 แพ้ 6 มี 17 แต้มเท่ากับอันดับ 10 อย่างสมุทรสงคราม แต่ผลต่างประตูได้เสียเป็นรองได้ออกมากล่าวว่า "จริงแล้วไม่ต้องการจะขายไมเคิ่ล เบิร์น ไปให้กับทีมไหนเลยเพราะฝีเท้าของเขานั้นถือว่าเป็นทีเด็ดของทีมนครปฐม ได้อย่างดีในช่วงที่ผ่านมาถามว่าคุ้มหรือเปล่ากับค่าตัว 6 แสนบาทผมว่าชลบุรี ได้ไปแล้วคุ้มค่านะกับเงินที่เขาต้องจ่ายให้เราเพียงเท่านี้เหตุที่ผมอยากจะบอกกับแฟนบอลนครปฐมก็คือเราจำใจต้องขายก็เพราะขณะที่ทีมนครปฐมอยู่ในสภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงินจนอาจเกิดวิกฤติกับทีมขึ้นมาได้เร็ววันนี้การขายเขาไปก็เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในทีม"

เลกแรกที่ผ่านมานั้นเงินที่ใช้ในการทำทีมไปราว 3 ล้านกว่าบาทนั้นเป็นเงินส่วนตัวของผมล้วนๆไม่มีจากแหล่งอื่นๆเข้ามาช่วยทีมเลยซีซั่นก่อนเราเคยได้จากสปอนเซอร์อย่าง ช้าง 5 ล้านบาทแต่ปีนี้ที่เราขอไปก็ยังไม่ได้โดยทาง ช้าง เองได้แจ้งมาว่าจะให้เราราว 1.4 ล้านบาทเนื่องจากเขาเองให้การสนับสนุนอยู่หลายทีมและการจะสนับสนุนทีมใดทีมหนึ่งนั้นจะแบ่งเกรดของทีมอย่างทีมเรานั้นอยู่ในเกรดซี ก็เลยจะได้รับแค่เพียง 1.4 ล้านบาท ส่วนสปอนเซอร์อีกเจ้าที่ก่อนหน้านี้เจรจากันลงตัวไปแล้วแต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เงินมาก็คือทาง ไทยประกันชีวิต ที่จะช่วยเราราว 2 ล้านบาทหากได้สปอนเซอร์จาก 2 เจ้าที่กล่าวไปแล้วเลกสองที่เหลืออยู่อีก 15 นัดเราน่าจะผ่านไปได้แม้อาจจะกระท่อนกระแท่นบ้างก็ตาม"

"ทุกวันนี้เฉพาะเงินเดือนนักเตะอย่างเดียวผมต้องจ่ายถึงราว 7 แสนกว่าบาทต่อเดือนไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆตอนนี้ยอมรับว่าเริ่มไม่ไหวแล้วหากก่อนเลกสองไม่ได้เงินจาก สปอนเซอร์ 2 รายที่ว่าเห็นทีอาจต้องตัดสินใจประกาศขายนักเตะในทีมที่มีอยู่แบบใครอยากไปไหนก็พร้อมปล่อยแล้วคงต้องใช้การนำนักเตะโนเนมในท้องถิ่นมาเล่นแล้วยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นกับทีมที่คงหนีการตกชั้นไม่พ้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครยื่นมือเข้มาช่วยทีมเลยโดยเฉพาะผู้ใหญ่ในจังหวัดหากยังเป็นแบบนี้ผมเองก็คงไม่ไหวเหมือนกัน"

"ตอนนี้เริ่มมองไปที่การอาจจะปล่อยให้ผู้ที่ต้องการจะเข้ามาเทกโอเวอร์ทีมได้เข้ามาบริหารทีมแทนเป็นแผนสำรองไว้แล้วหรือหากจะมีบุคคลท่านใดต้องการเข้ามาช่วยสนับสนุนทีมและเข้ามาบริหารทีมด้วยกันทีมเราก็พร้อมก่อนหน้าที่ฤดูกาลนี้จะเริ่มเรื่องนี้เป็นแนวคิดของผมแต่ก็ได้รับการต่อว่าต่อขานจากแฟนบอลชาวนครปฐมที่อาจจะไม่ทราบว่าปัญหาของทีมคืออะไรเราอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะนักเตะมีใจให้กับสโมสรแต่หากถึงที่สุดแล้วการเปลี่ยนแปลงก็อาจจะเป็นเรื่องที่เราไม่อยากให้เกิดแต่ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปก็เป็นไปได้เหมือนกันตอนนี้รอเพียงว่าสปอนเซอร์ 2 เจ้าที่เคยรับปากจะช่วยเราจะให้เงินมาเมื่อไหร่หากได้มาก็คงไม่มีปัญหาน่าจะเอาตัวรอดไปจนจบฤดูกาลได้

อดีตแข้งม.ธุรกิจฯชาวแคเมอรูนจมน้ำดับ

นักเตะชาวแคเมอรูน วัย 20 ปี ยานนิก อดีดแข้ง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ จ.ประจวบคีรีขันธ์ หลังจากไปเดินสายแข่งขันฟุตบอล เผยนักเตะรายนี้เคยมาเล่นกับ ม.ธุรกิจฯ ในศึกถ้วย ข. เมื่อปลายปีที่แล้ว

ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก อ.สุรินทร์ รอดเมือง จาก ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ถึงการเสียชีวิตของนักเตะชาวแคเมอรูน ที่เคยเล่นให้กับทีม ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานประเภท ข. เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา หลังจากเดินทางไปเดินสายแข่งขันฟุตบอลรายการ บางสะพานคัพ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยเจ้าตัวลงไปเล่นน้ำทะเล และจมน้ำเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเพื่อนๆ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 21มิ.ย.ที่ผ่านมา

อ.สุรินทร์ รอดเมือง กล่าวว่า นักเตะคนนี้ชื่อ ยานนิก เป็นชาวแคเมอรูน อายุ 20 ปี เคยมาเล่นกับม.ธุรกิจฯ ในรายการชิงถ้วยพระราชทาน ข.เมื่อปลายปีที่ผ่านมา จากนั้นตนได้ฝากตัวไปคัดที่ ม.รังสิต ที่กำลังเล่นรายการดิวิชั่น 2 กับ อ.ไพรัช หิมเวช แต่ก็ไม่ได้ส่งชื่อลงเล่น เพราะยังทดสอบไม่ผ่าน ต่อมาเมื่ออาทิตย์ก่อน เขามาเอาพาสปอร์ตกับตนไป บอกจะไปเล่นฟุตบอลเดินสายกับเพื่อนๆ ที่ประจวบฯ ไม่คิดว่าจะมาเสียชีวิตแบบนี้

ลาก่อน ราห์ลู เทโรตั้งเดอะแบนคุมทัพลุยเลก2

วงในเผย "เจ้าบุญทุ่ม" บีอีซี เทโรศาสน เด้งที่ปรึกษาทีมในฐานะกุนซือใหญ่ตัวจริงชาวฝรั่งเศสอย่าง คริสตอฟ ราห์ลู พ้นเก้าอี้แล้วหลังพาทีมติดท็อปโฟร์ของเลกแรกไม่ได้ ประธานสโมสร ไบรอัน แอล มาร์คา ตั้ง "แบน" ตะวัน ศรีปาน เป็นกุนซือใหญ่แทนวางเป้าเลกสองต้องติดท็อปทรีให้ได้

ทีม "เจ้าบุญทุ่ม" บีอีซี เทโรศาสน ที่จบเลกแรกด้วยอันดับ 5 กับผลงาน เตะ 15 นัด มี 22 แต้มตามหลังอันดับ 1-4 อย่าง ชลบุรี , บางกอกกล๊าส , เมืองทองยูไนเต็ด และ โอสถฯ ที่ 8,7 และ 6 แต้มตามลำดับ

ล่าสุดเมื่อ 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา สยามกีฬาได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือในทีมบีอีซี เทโรศาสน ที่ไม่ขอเปิดเผยตัวว่าล่าสุดทางประธานสโมสรอย่าง ไบรอัน แอล มาร์คา ได้ตัดสินใจปลด คริสตอฟ ราห์ลู กุนซือชาวฝรั่งเศส พ้นตำแหน่งไปแล้วหลังจากไม่สามารถพาทีมติดอันดับ 1 ใน 4 ของเลกแรกอย่างที่เคยมีข่าวไปก่อนหน้านี้ในช่วงที่ผลงานภายใต้การคุมทีมของกุนซือรายนี้อยู่ในช่วงขาลงจนถึงขนาดโดนแฟนบอลตะโกนไล่ให้พ้นจากทีมไปแล้ว

สำหรับผู้ที่จะเข้ามานั่งเป็นกุนซือใหญ่คนใหม่เป็น ตะวัน ศรีปาน อย่างที่หลายๆคนคาดไว้และตัวประธานสโมสรเองเคยให้ข่าวก่อนหน้านี้

โดยผู้ที่จะเข้ามานั่งเป็นกุนซือใหญ่คนใหม่เป็น "แบน" ตะวัน ศรีปาน อย่างที่หลายๆคนคาดไว้และตัวประธานสโมสรเองเคยให้ข่าวก่อนหน้านี้โดยล่าสุด ตะวัน ศรีปาน ที่จะได้รับงานที่ท้าทายในฐานะกุนซือใหญเต็มตัวเป็นครั้งแรกหลังจากเจ้าตัวเลิกเล่นทีมชาติไปแล้วและก่อนหน้านี้เคยได้รับโอกาสให้เข้าไปเป็นผช.โค้ชของปีเตอร์รีด มาแล้วได้ออกมาเปิดเผยว่า

รู้สึกหนักใจเหมือนกันกับงานโค้ชเต็มตัวครั้งแรกแต่เมื่อผู้ใหญให้ความไว้วางใจก็พร้อมจะทำหน้าที่เพื่อพาทีมไปให้ถึงเป้าหมายที่ผู้บริหารทีมต้องการคือพาทีมจบด้วยอันดับไม่เกินที่ 3 เหมือนฤดูกาลที่ผ่านมาให้ได้ "

ประกาศรายชื่อนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่

ประกาศรายชื่อนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดใหญ่ เพื่อทำการฝึกซ้อมพร้อมให้มารายงานตัวโดยพร้อมเพรียงกัน ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน 2552 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรมเรดิสัน

ผู้รักษาประตู

1.โกสินทร์ หทัยรัตนกุล ชลบุรี เอฟซี
2.กิตติศักดิ์ ระวังป่า โอสถสภา เอ็ม 150
3.กวิน ธรรมสัจจานันท์ เมืองทอง ยูไนเต็ด

กองหลัง

1.สุรีย์ สุขะ ชลบุรี เอฟซี
2.ณัฐพร พันฤทธิ์ เมืองทอง ยูไนเต็ด
3.ณัฐพงษ์ สมณะ ชลบุรี เอฟซี
4.เกียรติประวุฒิ สายแวว ชลบุรี เอฟซี 5.ภานุพงษ์ วงศ์ษา ชลบุรี เอฟซี
6.รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
7.สุทธินันท์ พุกหอม ชลบุรี เอฟซี

กองกลาง

1.สุเชาว์ นุชนุ่ม ทีโอที เอฟซี
2.สุรัตน์ สุขะ ชลบุรี เอฟซี
3.สุธี สุขสมกิจ Tampines Rovers
4.ณรงค์ชัย วชิรบาล การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
5.ดัสกร ทองเหลา Hong Anh Gia Lai
6.พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เมืองทอง ยูไนเต็ด
7.นิรุจน์ สุระเสียง Hong Anh Gia Lai
8.ศักดา เจิมดี Hong Anh Gia Lai
9. Peter Lang (ปีเตอร์ แลง) FC Schaffhausen
10.อดุล หละโสะ ชลบุรี เอฟซี
11.อาทิตย์ สุนทรพิธ ชลบุรี เอฟซี
12.คัฟฟ้า บุญมาตุ่น โอสถสภา เอ็ม 150

กองหน้า

1. ธีรศิลป์ แดงดา เมืองทอง ยูไนเต็ด
2.รณชัย รังสิโย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
3.ธีรเทพ วิโนทัย Lierse S.K.
4.กีรติ เขียวสมบัติ ทีโอที

Wednesday, June 3, 2009

มติเอกฉันท์ศาล รธน.ชี้ รบ.มีอำนาจออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 เสียง เห็นควรให้อำนาจกระทรวงคลังออก พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความมั่นคงของประเทศ ชี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรค 1 เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ ขณะที่ฝ่ายค้าน ลั่นทำหน้าที่แล้ว ปัดไม่ต้องรับผิดชอบทางการเมือง จ้องจับผิดรัฐบาลต่อใช้ประโยชน์เงินกู้ตามจริงหรือไม่

วันนี้ (3 มิ.ย.) ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ วันนี้ ( 3 มิ..ย.) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์วินิจฉัยว่า พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตราขึ้นเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญม าตรา 184 วรรคหนึ่ง และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันอาจจะหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคสอง ทั้งนี้ พ.ร.ก.ดังกล่าว ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส. ที่เข้าชื่อจำนวน 99 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 ซึ่งก่อนมีคำวินิจฉัยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจาและลงมติโดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เดินมารอรับฟังผลการวินิจฉัย

โดยเนื้อหาในคำวินิจฉัยระบุว่า ในประเด็นการตรา พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้าน ตราขึ้นเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคหนึ่งหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงเป็นที่รับรู้ว่าขณะนี้ภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ อีกทั้งปัญหาการเมืองภายในประเทศก็มีความสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ลงทุน ตลอดจนเกิดความล่าช้าในการผลักดันโครงการต่างๆของรัฐ ระบบเศรษฐกิจเกิดการขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะรายได้จากการส่งออกและนำเข้าก็ลดลงอย่างมาก รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เคยทำรายได้สูงสุดก็ลดลงเนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศขาดความมั่นใจในสวัสดิภาพและความปลอดภัย สิ่งบ่งชี้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบรุนแรงคือมูลค่าการส่งออกของสินค้าไทยหดตัวลงอย่างรวดเร็ว รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง ภาคธุรกิจปิดการมากขึ้นทำให้ปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้น หนี้เสียมีแนวโน้มสูงขึ้น กำลังซื้อลดลง ส่งผลให้จีดีพีหดตัวลงอย่างมาก จากปัจจัยต่างๆทำให้รายได้ที่จัดเก็บน้อยกว่าประมาณการที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่อง ถึงความสามารถในการใช้จ่ายและจัดทำบริการสาธารณะ แม้ว่ารัฐจะได้ดำเนินมาตรการต่างๆทั้งการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการทางภาษี มาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน การจัดทำงบประมานรายจ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาน 2552 หรือเร่งรัดการเบิกจ่ายของภาครัฐก็ตาม แต่ก็ยังไม่อาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อพิจารณาสาระสำคัญของ พ.ร.ก.ประกอบเหตุผลในการตรา พ.ร.ก. ย่อมเห็นได้ว่าการที่คณะรัฐมนตรี ตรา พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ขึ้นมาก็เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศมิให้ตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้ภาครัฐในฐานะที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะช่วยสร้างกำลังซื้ออย่างเร่งด่วนในระระบบ ในช่วงที่กำลังซื้อจากทั้งในและต่างประเทศหดตัวลง จึงจำเป็นต้องรีบดำเนินมาตรการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโดยเร่งด่วนเพื่อป้องกันปัญหาที่จะลุกลามไปทุกภาคส่วน อันเป็นการทำหน้าที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัฐในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทสตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ววรคหนึ่ง แล้ว”

ส่วนประเด็นการตราพ.ร.ก.นี้ เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 284 วรรคสองหรือไม่ เห็นว่าเมื่อพิจารณาถึงสภาพปัญหาความมั่นคงในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่ว่ามูลค่าการส่งออกที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง มีการปิดกิจการหรือเพิ่มมากขึ้น ปัญหาการว่างงานเพิ่มมากขึ้น หนี้เสียพุ่งสูงขึ้น ทุกปัจจัยส่งผลกระทบให้เกิดภัยวิกฤติเศรษฐกิจ จนรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤตินั้นไม่ว่า มาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มาตรการเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง มาตรการเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน และมาตรการอื่น เพื่อแก้ไขภัยจากวิกฤตเศรษฐกิจดังกล่าว แต่สภาวะเศรษฐกิจโลก และสภาวะเศรษฐกิจของประเทศก็ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นกรณีที่มีความฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้นแล้ว

“ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงเหตุที่เป็นกรณีความฉุกเฉินที่มีความจำเป็นอันรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ดังกล่าวแล้ว ประกอบสาระสำคัญและกรอบการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ยังไม่มีมูลกรณีให้เห็นว่า คณะรัฐมนตรีได้ตรา พ.ร.ก.ขึ้นมาโดยไม่สุจริตหรือใช้ดุลพินิจบิดเบือนหลักการรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า การตรา พ.ร.ก.นี้ขึ้นมาเป็นกรณีความฉุกเฉินที่มีความจำเป็นอันรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคสองแล้ว”

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวหลังทราบคำวินิจฉัยว่า พรรคได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบแทนประชาชนแล้ว และเมื่อพ.ร.ก.ฉบับนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในการประชุมสมัยวิสามัญขอเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจโดยถ่ายทอดสดการอภิปรายฯ เพื่อให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินและเจ้าของประเทศทราบข้อเท็จจริง ซึ่งฝ่ายค้านก็จะอภิปรายชี้ให้เห็นว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการออกพ.ร.ก.ดังกล่าวจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตามมติศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาไม่ถือว่าทำให้ฝ่ายค้านเสียหน้า และไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทางการเมือง เพราะเป็นการทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 185 ให้อำนาจไว้

“เมื่อเข้าสู่การพิจารณาของสภา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะประธานกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงินสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งนายวิทยา บูรณะศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน เตรียมอภิปรายเกี่ยวกับการใช้เงินว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และเมื่อรัฐบาลนำเงินไปใช้แล้วจะมีผลสัมฤทธิ์แค่ไหน ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกประชุมส.ส.เพื่อแบ่งทีมในการอภิปราย”โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

ด้านนายสุรพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านยอมรับในคำวินิจฉัยที่ออกมา ซึ่งประชาชนมีทั้งที่สบายใจและไม่สบายใจ แต่ในฐานะฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบไป โดยจะติดตามว่า เมื่อการบังคับใช้พ.ร.ก.แล้วการนำเงินไปลงทุนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ การนำเงินไปปิดหีบงบประมาณมีรายละเอียดที่ชัดเจน หรือไม่ และ มีการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวังหรือไม่

“วันนี้ต้องยอมรับว่าเงิน 4 แสนล้านเป็นเช็คเปล่า ๆ ที่เหมือนรัฐบาลกรอกเอาเอง ในการประชุมสภาฯถ้ารัฐบาลชี้แจงไม่ชัดเจนในการนำเงินไปลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจฝ่ายค้านคงไม่เห็นด้วยที่จะให้พ.ร.ก.ฉบับนี้ผ่าน เพราะหลายโครงการไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แท้จริง แต่เป็นการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น” นายสุรพงษ์ กล่าว

รถเมล์ฉาวชะงักซํ้าอีกครม.ตีกลับ

ส่งสภาพัฒน์ชำแหละ ยืดเวลาต่ออีก"1เดือน"พรก.กู้4แสนล้านฉลุยศาล รธน.มติเอกฉันท์

ยื้อไปอีก 1 เดือน ครม.เตะรถเมล์ฉาวให้สภาพัฒน์ชำแหละ-เทียบราคาเช่ากับซื้อเป็นอย่างไร “ชวรัตน์” ยังยิ้มได้ไม่เสียหน้า รอบคอบเป็นเรื่องดี “โสภณ” เยาะยิ่งนานวันคนกรุงยิ่งทรมานกันต่อไป ยอมรับเตรียมข้อมูลไม่พร้อม เทียบราคาเช่า-ซื้อหว่านล้อมครม. ลั่นไม่ยอมถูกมองไม่โปร่งใส ครม.รุมกินโต๊ะยำเละรถเมล์ฉาว นายกฯเป่านกหวีดให้รมต.จวกแหก “ประจักษ์” สวดอย่าดีแต่ค้านให้บอกวิธีแก้ไขด้วย 40 ส.ว.บี้รัฐบาลขยายเวลาตรวจสอบไป 3 เดือน ลั่นไม่ยอมให้ผ่าน ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ให้กู้ 4 แสนล้านกู้วิกฤติเศรษฐกิจ “กรณ์” ดี๊ด๊ษได้เงินอุดงบ “คำนูณ” ค้านหัวชนฝาประกาศขวางแหลก ลั่นไม่ลงมติให้ผ่านแน่นอน “เพื่อไทย” วางแผนติดตามรัฐบาลจ้องถลุงเงินกู้ นายกฯนำรมช.เกษตรฯคนใหม่ถวายสัตย์ “กอร์ปศักดิ์” ชงจ้างต่างชาติบริหารรสก. ครม.มีมติตั้ง “สถิต” นั่งปลัดคลัง เพิร์คชี้ระบบราชการไทยดีที่ 3 ในเอเชีย

ในหลวงทรงเน้นทำหน้าที่ให้ดี

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เวลา 17.58 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำนายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนรับหน้าที่ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราโชวาทตอนหนึ่งว่า กระทรวงเกษตรฯเป็นกระทรวงสำคัญ ขอให้ทำหน้าที่ให้เรียบร้อย เพื่อบ้านเมือง

ทั้งนี้ ก่อนที่นายกฯจะนำนายศุภชัยเดินทางไปเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ ในเวลา 13.35 น. ทั้ง 2 คน ได้ลงมาให้บรรดาช่างภาพสื่อมวลชนบันทึกภาพในชุดปกติขาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยเฉพาะนายศุภชัยนั้นมีสีหน้าที่มีความสุข จากนั้น เวลา 16.00 น. นายกฯ พร้อมด้วยนายศุภชัย นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ ขึ้นเครื่องบินที่ ขส.ทบ. เดินทางเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนในการเข้ารับหน้าที่

ศาล รธน.ชี้ชะตา พ.ร.ก.กู้เงิน

ที่ศาลรัฐธรรมนูญ เวลา 09.30 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาลงมติและอ่านคำวินิจฉัยส่วนตัว กรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจ ฉัยตาม ม.185 กรณีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ม.184 วรรค 1, 2 หรือไม่ ทั้งนี้ ตัวแทนฝ่ายผู้ร้องที่เข้ารับฟังคำวินิจฉัย คือ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย โดยไม่มีตัวแทนจากฝ่ายรัฐบาลมาร่วมฟัง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย มี 2 ประเด็น คือ 1.พ.ร.ก.ดังกล่าวตราขึ้นเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญ ม.184 วรรค 1 หรือไม่ ซึ่งศาลวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเป็นที่ทราบว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เกิดปัญหาขึ้นส่งผลกระทบต่อ ประเทศไทย และยังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศ เมื่อพิจารณาสาระสำคัญของ พ.ร.ก. ประกอบเหตุผลในการตรา พ.ร.ก.ดังกล่าว เห็นได้ว่าเพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์เศรษฐกิจของประเทศมิให้ตกต่ำไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน อันเป็นการทำหน้าที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัฐ จึงเป็นการ กระทำที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในอันที่จะ รักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ ม.184 วรรค 1 แล้ว

มติเอกฉันท์ติดดาบรัฐบาล

ประเด็นที่ 2 คือ พ.ร.ก.ดังกล่าวตราขึ้นเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญ ม.184 วรรค 2 หรือไม่ ศาลวินิจฉัยว่า เมื่อพิจารณาถึงสภาพปัญหาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศยังคงชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง จึงถือได้ว่ากรณีที่มีความฉุกเฉินจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้นแล้ว

ดังนั้น เมื่อพิจารณาความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ดังกล่าว ประกอบสาระสำคัญและกรอบการดำเนินการตาม พ.ร.ก.แล้ว ยังไม่มีมูลกรณีให้เห็นว่า ครม.ได้ตรา พ.ร.ก.ขึ้นมาโดยไม่สุจริต หรือใช้ดุลพินิจบิดเบือนหลักการ ของรัฐธรรมนูญ โดยมีมติเอกฉันท์ จึงวินิจฉัยว่าพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ตราขึ้นเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามรัฐธรรมนูญ ม.184 วรรค 1 และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ตามรัฐธรรมนูญ ม.184 วรรค 2

“กรณ์” ดี๊ด๊าได้กู้สนองนโยบาย

นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้รัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจต่อไปได้ คาดว่าจะมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ โดย 2 แสนล้านบาทแรกต้องนำมาใช้เพื่อชดเชยรายได้ของรัฐบาลที่ต่ำกว่าเป้าหมายจากปัญหาเศรษฐกิจ โดยในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเข้าสู่การประชุมสภากระทรวงการคลังจะเร่งรัดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมตัวให้พร้อมต่อไป ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เตรียมแผนการดำเนินการการกู้เงินทั้งหมดไว้แล้ว โดยจะพยายามดำเนินการกู้ให้แล้วเสร็จภายในปี 52 แม้ว่ากฎหมายจะเปิดช่องไว้ให้กู้ได้ถึงปี 53 ก็ตาม

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า หลังจากที่ศาลฯ มีมติเอกฉันท์แล้ว จากนี้ไปกระทรวงการคลัง ต้องนำ พ.ร.ก.ดังกล่าวเข้าสู่การประชุมรัฐสภา เพื่อให้รับรองในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ จากนั้นกระทรวงการคลังจึงจะกู้เงินได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งตามแผนการกู้เงินดังกล่าว แบ่งเป็นการกู้เงินภายในปีนี้ 2 แสนล้านบาทก่อน หลังจากนั้นจะทยอยกู้เงินเพิ่มเติมในปีถัดไป โดยลอตแรกจะเริ่มด้วยการออกพันธบัตรออมทรัพย์เพื่อไทยเข้มแข็งอายุ 5 ปี วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท โดยจะให้สถาบันการเงินเข้ามาเป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายให้ประชาชน และให้ดอกเบี้ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเล็กน้อย เพื่อเป็นทางเลือกในการออมให้ประชาชน และจำกัดวงเงินซื้อขั้นสูงที่คนละ 10 ล้านบาทเพื่อให้รายย่อยสามารถเข้าถึง

คาดสภานัดถก 15-16 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริว่า มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ สมควรที่จะเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 128 และมาตรา 187 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัฐสภา พ.ศ. 2552 ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. 2552 โดยทรงให้ไว้ ณ วันที่ 29 พ.ค. พ.ศ. 2552 เป็นปีที่ 64 ในรัชกาลปัจจุบัน ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป รัฐบาล) กล่าวว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่ขัดรัฐธรรมนูญด้วยมติ 9 ต่อ 0 เสียง วิปรัฐบาลจะประชุมกันในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เพื่อกำหนดว่าจะนำร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ขอความเห็นชอบจากสภาเมื่อไร แต่เบื้องต้นกำหนดว่า ในการขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญวันที่ 15-23 มิ.ย. นี้ จะนำ พ.ร.ก.และร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน เข้าสภาวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้ จากนั้นถึงจะเป็นร่าง พ.ร.บ.งบ ประมาณ ปี 53 และเชื่อว่าสมาชิกสองสภา จะให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ในช่วงดังกล่าวได้แจ้งให้ ส.ส.ในสัดส่วนรัฐบาลว่าไม่ควรเดินทางไปต่างประเทศ

“คำนูณ” ค้านชนฝาขวางแหลก

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ส่วนตัวตนไม่เห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก. กู้เงิน 4 แสนล้านของรัฐบาล ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยแล้วว่าสามารถทำได้ แต่ใน ฐานะ ส.ว. จะใช้อำนาจตรวจสอบตามมาตรา 184 โดยยืนยันว่าจะไม่อนุมัติให้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบ เพราะมีประเด็นใหญ่ที่น่าสงสัยว่ารัฐบาลใช้อำนาจโดยไม่ผ่านการตรวจสอบของรัฐสภา ทั้ง ๆ ที่ควรเสนอเข้ามาตามขั้นตอนสภา

นายคำนูณ กล่าวต่อว่า ตนอยากถามว่า เป็นโครงการไทยเข้มแข็งหรือโครงการใครเข้มแข็งกันแน่ และมีนักการเมืองเข้มแข็งจากเงินที่ตกหล่นเข้ากระเป๋าจากการใช้งบประมาณเหล่านี้หรือไม่ สื่อมวลชนได้ตั้งข้อสังเกตว่า มติ ครม.ที่ให้เลื่อนออกไป 1 เดือน เพื่อรอให้สภาผ่านความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ และ พ.ร.ก.กู้เงินฯนั้น ก็คิดว่าช่างบังเอิญหากคนจะคิดว่ามติครม.ดังกล่าวเป็นการยื้อเวลาเพื่อให้ผ่าน พ.ร.ก. และ พ.ร.บ.จึงอยู่ที่กระแสสังคมว่าจะเห็นอย่างไร หรือในพรรคร่วมรัฐบาลกันเองจะตกลงอย่างไร แต่ที่แน่ ๆ นักการเมืองแฮปปี้กันถ้วนหน้าคือสามารถกู้เงินได้แล้ว 8 แสนล้านบาท

พท.วางแผนติดตามถลุงเงินกู้

ที่พรรคเพื่อไทย นายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค กล่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์วินิจฉัยการออกพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญว่า เมื่อมีคำตัดสินก็ต้องเป็นไปตามความเห็นของศาล ดังนั้นประเด็นรัฐบาลออก พ.ร.ก.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ก็ต้องจบไป ขั้นตอนต่อไปพรรคเพื่อไทยจะตั้ง ทีมอภิปรายในสภาพร้อมติดตามว่ารัฐบาลจะนำเงินกู้ไปทำอะไรเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามที่กล่าวอ้าง เพราะจากงบกลางปีก็เห็นแล้วว่าเงินที่นำไปใช้ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจจริงอย่างเห็นได้ชัด

นายพีรพันธุ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงว่าจะเป็นบรรทัดฐานในอนาคต เพราะคำวินิจฉัยมีผลผูกพันทุกองค์กร ต่อไปเมื่อรัฐบาลใด ๆ ก็อาจอ้างความจำเป็นต้องออก พ.ร.ก. กู้เงิน แล้วทำโครงการนอกงบประมาณ

มติ ครม.ตีกลับเช่ารถเมล์

ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า โครงการเช่า รถเมล์ 4 พันคัน หลังมีการปรับตัวเลขลงไป 5 พันล้านบาท ทำให้มูลค่าโครงการลดลงจากเดิม 69,000 ล้านบาท เหลือ 64,000 ล้านบาท โดยนายโสภณชี้แจงว่าจะให้ลดลงมากกว่านี้ยากเพราะได้พยายามดูทุกอย่างอย่างละเอียดเทียบเคียงกับค่าใช้จ่ายที่มีอยู่ในปัจจุบันกับผลการศึกษาของหน่วยงานต่าง ๆ เมื่อตัวเลขมาอยู่ที่ 64,000 ล้านบาท ก็มีคนสงสัยว่าถ้าเป็นการซื้อจะถูกกว่าหรือไม่ ซึ่งตอนนี้คงตอบยาก เพราะสมมุติฐานที่มีการนำมาเทียบเคียงกันนั้นมีข้อโต้แย้ง เช่น ถ้าซื้อ เฉพาะราคาค่ารถอาจอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท แต่จะมีการถกเถียงว่าถ้าใช้การซ่อมอย่างในปัจจุบัน จะทำให้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นเท่าไหร่

นายกฯ ยังระบุ นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินหรือการหาแหล่งเงินมาซื้อ ดังนั้นที่ประชุมเห็นว่าเพื่อให้สังคมมั่นใจว่าสิ่งที่เราจะทำนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จึงขอให้คณะกรรมการของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ใช้เวลา 1 เดือน สรุปว่าระหว่างการซื้อกับการเช่าอะไรคุ้มค่ามากกว่ากัน ทั้งนี้ข้อสรุปนี้ถือเป็นข้อสิ้นสุด รัฐบาลมีนโยบายว่า ขสมก.จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนบริการครั้งใหญ่ ซึ่งต้องมีรถใหม่มาวิ่ง เป็นรถที่ใช้เชื้อเพลิงสะอาด ใช้ระบบตั๋วที่ทันสมัย ลดการรั่วไหลได้ นอกจากนี้ เส้นทางวิ่งรถต้องสอดคล้องกับระบบขนส่งมวลชนของกรุง เทพฯ ส่วนการจะได้รถมาวิ่งด้วยการเช่า หรือซื้อ ต้องรอข้อสรุปที่จะออกมาในอีก 1 เดือน ทั้งนี้ รมว.คมนาคมไม่ได้ติดใจ

ครม.สับละเอียด รมต.ภท.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในการประชุม ครม.ระหว่างการพิจารณาโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคัน ที่ประชุมใช้เวลาในการหารือเรื่องนี้นานร่วม 1 ชั่วโมง โดยนายอภิสิทธิ์ เปิดโอกาสให้ รมต.ทุกคนแสดงความคิดเห็น ทำให้มี รมต.ร่วมแสดงความเห็นกันเกือบทั้ง ครม. ทำให้ รมต.บางคนเปรยว่าราวกับเวทีอภิปรายในสภา ไม่เว้นแม้แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ที่ยังแสดงความเห็นในเรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า การที่เราคำนึงถึงกระแสสังคมถือเป็นเรื่องดี แต่ก็ไม่อยากให้ห่วงกระแสจนลืมข้อเท็จจริง ถ้ามั่นใจว่าโครงการนี้โปร่งใสและประเทศได้ประโยชน์จริงก็ควรต้องเดินหน้าต่อไป

อย่างไรก็ตามในการแสดงความเห็นนั้น บางคนก็เสนอให้เช่า บางคนก็เสนอให้ซื้อ บางคนก็เสนอให้เช่าและซื้ออย่างละครึ่ง แต่ก็ไม่มีข้อสรุป ขณะที่ รมต.ที่มาจากพรรคภูมิใจไทยนั้น ต่างก็แสดงความเห็นด้วยท่าทีที่อ่อนลง โดยนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม เจ้าของเรื่อง ได้กล่าวว่าตนยอมรับได้ถ้าจะมีการเปลี่ยนรูปแบบของโครงการ ไม่ว่าจะเป็นไปในแบบใด แต่ยอมรับไม่ได้ถ้ามีคำครหาในเรื่องความไม่โปร่งใส ในช่วงท้ายนายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวฯ เสนอว่า ให้โอน ขสมก. ให้ กทม.ดูแลไปเลย แต่ก็มีเสียงท้วงติงเรื่องหนี้สินของ ขสมก.จะเอาอย่างไร รวมถึงนายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ที่เปรย ว่า เคยอภิปรายเรื่องนี้เมื่อเป็นฝ่ายค้าน แต่มาวันนี้เข้าใจสถานะดีแล้วว่าเป็นอย่างไร

สภาพัฒน์ชำแหละ1เดือน

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณี ครม.ให้เวลากระทรวงคมนาคม 1 เดือน เพื่อกลับไปศึกษาวิธีการจัดเช่ารถเมล์ 4,000 คันว่า กระทรวงคมนาคมได้แจ้งให้ที่ประชุม ครม.ทราบว่า ถ้าจะต้องใช้วิธีการเช่าจะใช้เงิน ประมาณ 6.4 หมื่นล้าน เป็นเวลา 10 ปี เรื่องนี้ครม.ได้แสดงความคิดกันหลากหลายในที่สุดเห็นว่ายังมีโจทย์อยู่ข้อหนึ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัยว่าระหว่างเช่ากับซื้ออันไหนจะคุ้มกว่ากันหรือจะถูกแพงกว่ากัน ดังนั้นนายกฯจึงได้ให้คณะกรรมการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปศึกษาตัวเลขเรื่องของการจัดซื้อ ถ้าซื้อคุ้มหรือไม่และมาเปรียบเทียบ

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ได้มีการซักถาม ทางคณะกรรมการสภาพัฒน์ว่าใช้เวลาเท่าไหร่ ทางสภาพัฒน์แจ้งว่าต้องใช้เวลา 30 วัน หรือ 1 เดือนก็จะเอาตัวเลขมาเสนอ ฉะนั้นเรื่องของ กระทรวงคมนาคมยังถือว่าอยู่ในการพิจารณาอยู่ไม่ใช่เรื่องของการซื้อเวลาอะไรทั้งสิ้น ต่อข้อถาม ถึงท่าทีของ รมว.คมนาคม และรัฐมนตรีในพรรคภูมิใจไทย นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกคนเข้าใจ เหมือนที่ตนพูด รมว.คมนาคมยังพูดในที่ประชุม ครม.ว่าวันนี้ถ้าเอาตามเรื่องที่กระทรวงคมนาคมเสนอมา ครม.เห็นด้วยก็มีปัญหา ไม่เห็นด้วยก็มีปัญหาเพราะยังมีข้อสงสัย ฉะนั้น รมว.คมนาคมเห็นด้วยที่จะนำตัวเลขที่ชัดเจนมาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ ครม.มีเหตุผลในการตัดสินใจที่สมบูรณ์

โสภณ”ชี้คนกรุงทรมานต่อไป

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวถึงผลการประชุม ครม.เพื่อพิจารณาวาระโครงการเช่ารถเมล์ 4 พันคันว่า ที่ประชุมครม.ได้อนุมัติเรื่องรถเมล์เอ็นจีวีเพียงแค่ครึ่งเดียว โดยมอบให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ สังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปพิจารณาว่าระหว่างการเช่าและการซื้อ จะมีวิธีใดที่เป็นประโยชน์กับทางราชการมากที่สุด โดยกำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อนำมาเสนอให้ครม.พิจารณาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเสียความรู้สึกกับการตัดสิน ครั้งนี้ เพราะถือว่าที่ผ่านมาทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้วและถือว่าวันนี้หมดหน้าที่ของตนที่พยายามดำเนินการเพื่อไม่ให้ ขสมก. ขาดทุน หาก ครม. ยิ่งตัดสินใจช้า ยิ่งทำให้ ขสมก.ขาดทุน เพราะปัจจุบันขาดทุนอยู่แล้ววันละ 16 ล้านบาท

นายโสภณ กล่าวต่อว่า ในเมื่อ ครม. ต้องการให้คนกรุงใช้การบริการที่เป็นอยู่ใน ปัจจุบัน ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น ยืนยันว่านายกฯไม่ได้เป็นผู้เสนอแต่เพียงผู้เดียวแต่เป็นการตัดสินใจของทั้ง ครม. ซึ่งกระทรวงคมนาคมยังขอยืนยันว่าแนวทางของกระทรวงคือการเช่าเท่านั้น เพราะถือว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุด หากใช้วิธีการซื้อขาดแม้จะใช้เงินเพียง 20,000 ล้านบาทเศษ แต่ยังมีเรื่องของค่าซ่อม ค่าที่ดินค่าดอกเบี้ย ค่าบำรุงรักษา และค่าอื่น ๆ อีก

ยอมรับไม่เตรียมเทียบเช่า-ซื้อ

“ค่ารถที่ตกคันละ 5 ล้านบาท นั้นขอ ชี้แจงว่าราคารถมีตั้งแต่ 3-8 ล้านบาท ซึ่งข้อเสนอของกระทรวงคมนาคมถือว่าต่ำที่สุดแล้ว หากใช้วิธีซื้อแม้จะมีราคาค่ารถประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ยังต้องมีค่าระบบตั๋วที่ต้องใช้กระเป๋าเก็บเงินมีค่าใช้จ่ายอีกวันละ 1,000 บาทต่อคนต่อคัน ขณะที่ใช้ระบบตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มีค่าใช้จ่ายเพียง 190 บาท ยังมีเรื่องค่าเช่าบำรุงรักษา ค่าดอกเบี้ยและ ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีก” รมว.คมนาคม ระบุ

นายโสภณ กล่าวด้วยว่า การที่ครม.ยังไม่เห็นชอบในครั้งนี้ จะไม่นำไปสู่ปัญหาทางการเมืองแน่นอน แต่เป็นปัญหาของคนกรุงที่ต้องใช้บริการของ ขสมก. ซึ่งกระทรวงคมนาคมและพรรคภูมิใจไทย คอยได้ทุกเรื่อง ถ้าเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน หากคณะกรรมการสศช.ยังเห็นว่าต้องเป็นวิธีการซื้อก็ต้องหาเงินมาให้ ซึ่งเท่ากับว่าต้องไปกู้มาซื้ออีก ซึ่งตนเองต้องการให้เอกชนเข้ามาลงทุนเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเท่านั้น ทั้งนี้ ตนจำนนด้วยเหตุผลที่ไม่ได้ทำข้อเปรียบเทียบระหว่างการซื้อและการเช่ามาให้ ครม. พิจารณา และยอมไม่ได้ที่จะมีการกล่าวหาว่าโครงการนี้มีการคอร์รัปชั่นเกิดขึ้น

สวดเสียงค้านบอกวิธีแก้ด้วย

นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รมช. คมนาคม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.ว่า ในเมื่อนายกฯตัดสินใจอย่างนั้นเราก็รับได้ เพื่อคณะกรรมการสภาฯไปศึกษาให้ครบถ้วนและโปร่งใสที่สุด ทั้งเรื่องดอกเบี้ย เส้นทางการเดินรถ เมื่อคณะกรรมการสภาพัฒน์ตัดสินอย่างไร แล้วเราก็รับได้ คงไม่น่าเป็นเรื่องการพับโครงการ หากจะพับหรือเลิกโครงการนี้ก็จะถามว่ารัฐบาลจะอุ้ม ขสมก.ได้หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการพิจารณาเรื่องนี้คำนึงถึงความเคลื่อนไหวของ ส.ว.และฝ่ายค้านด้วยหรือไม่ นายประจักษ์ กล่าวว่า ส่วนหนึ่งเราต้องรับเสียงของ ส.ว.และผู้ที่แสดงความคิดเห็นต่าง ๆ ขณะนี้คนที่บอกว่าเรื่องนี้ไม่ดีแต่ไม่ยอมบอกว่าแล้วจะให้แก้ไขอย่างไรให้ดี มีแต่ฟันธงว่ามันไม่ดี ไม่โปร่งใส

“ชวรัตน์”รับได้ทบทวนรถเมล์

ที่กระทรวงมหาดไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ผลการประชุม ครม.เรื่องโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ที่ ครม.มีมติให้กลับไปศึกษาอีกครั้ง เป็นสิ่งที่พรรครับได้เป็นการถอยคนละก้าว โดยมีการกำหนดเวลาจะต้องเสร็จภายในเดือนนี้ ซึ่งไม่ใช่การเสียหน้าและไม่ใช่เรื่องเสียเวลาและเพราะเป็นโครงการที่ใช้เงินจำนวนมากต้องมีการพิจารณาอย่างละเอียด คาดว่าจะใช้เวลา 1 เดือน ซึ่งเชื่อว่าการพิจารณาในครั้งต่อไปจะไม่มีปัญหาและน่าจะจบแล้ว เมื่อถามย้ำว่าการถูกตีกลับครั้งนี้ไม่เสียหน้าใช่หรือไม่ นายชวรัตน์ กล่าวพร้อมหัวเราะว่า “แหม มีหน้าอยู่แค่นี้ จะไปเสียหน้าอะไร มีแต่ได้หน้า”

นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ว่า ความจริงโครงการ เช่ารถเมล์ 4 พันคันของกระทรวงคมนาคม สังคม ไม่ควรสงสัยถึงขนาดนั้นเพราะเรื่องนี้ทำกันตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้ว เมื่อถามว่า 40 ส.ว. ออกมาขู่ว่าอาจจะมีการคว่ำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2553 นายชุมพล กล่าวว่า ตนรู้สึกว่า ส.ว.ตอนนี้ ทำเกินบทบาทหน้าที่ไปแล้ว ทำตัวไล่ล่ารัฐบาลทุกรัฐบาลโดยเฉพาะ 40 ส.ว.สรรหา ไล่ล่าทุก รัฐบาล ฝ่ายค้านในสภามีอยู่แล้ว ควรปล่อยให้เขา ทำงาน อย่าไปแย่งหน้าที่ฝ่ายค้าน ทำเอาเฉพาะพอสมควร

ชักสนุก ภท.งัดรถดับเพลิงขู่

แหล่งข่าวระดับสูงที่ใกล้ชิดกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยถึงกรณี ครม.ตีกลับโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน โดยส่งให้สภาพัฒน์ศึกษาเป็นเวลา 30 วันว่า รู้ว่าก่อน ครม. จะตีกลับเพื่อลดกระแสสังคม แต่มั่นใจว่าหลังจากศึกษา 30 วัน ครม.จะเห็นตามพรรคภูมิใจไทย 100% เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีปัญหาในกรณี ซื้อรถดับเพลิงกทม.มูลค่า 6,687 ล้านบาท ซึ่งแพงกว่ารถเมล์เอ็นจีวี และที่สำคัญซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใช้งานด้วย ว่าเปรียบเทียบกับโครงการรถเมล์หากไม่ได้รับความเห็นชอบ

“ผมเชื่อว่ากระแสสังคมจับตาดูพรรคภูมิใจไทยว่าจะทำอย่างไรเมื่อโครงการถูกตีกลับหลายครั้ง โดยเฉพาะการถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนไม่มีความจำเป็นต้องถอนตัว เพราะหากถอนตัวจะถูกมองว่าเกเร และถ้าไม่ถอนตัวจะถูกมองว่าอยากเป็นรัฐบาล ดังนั้นเวลา 30 วัน ที่สภาพัฒน์ศึกษาไม่ว่าผลจะออกมาว่าให้เช่าหรือให้ซื้อก็เชื่อว่า ครม.จะต้อง อนุมัติตาม ถ้ายังตีกลับอีกครั้งอาจมีความเป็นไป ได้ที่ผู้ใหญ่ของพรรคอาจจะทบทวนท่าทีในการร่วมรัฐบาลกับพรรคประชาธิปัตย์” ผู้ใกล้ชิดหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุ

ปชป.กระเพื่อมแรงต้านภายใน

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ส.ส.นคร นายก และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส. สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมกันแถลงข่าว คัดค้านโครงการเช่ารถเอ็นจีวี 4 พันคัน โดยนายสมเกียรติ กล่าวว่า เราจะไม่ยอมให้ประเทศชาติถูกปล้นโดยผ่านโครงการที่เรียกว่า เช่ารถมาซ่อม เป็นการผลาญเงินภาษีของประชาชน

เราจะทำทุกวิถีทาง โดยจะร่วมมือกับส.ว.และภาคประชาชนเพื่อไม่ให้ปล้นชาติอย่าง เอิกเกริก ฉะนั้น ครม.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนนายชาญชัย กล่าวว่า สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านได้หยิบยกเรื่องนี้มาอภิปรายไม่ ไว้วางใจ ซึ่งข้อมูลก็เป็นที่รู้ในสาธารณะว่าพรรค ประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยและคัดค้านมาโดยตลอด ดังนั้นรัฐบาลจะต้องทบทวนและปรับปรุงแก้ไขเพราะการเช่ารถมาซ่อมตั้งแต่วันแรกก็ผิดหลัก การแล้ว

40ส.ว.ตีกินขอให้ขยาย3เดือน

ที่รัฐสภา กลุ่ม 40 ส.ว. นำโดย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กรุงเทพฯ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังครม.มีมติให้สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติศึกษาโครงการเช่าวรถเมล์เอ็นจีวี 1 เดือน โดยนางสาวรสนา กล่าวว่า กลุ่ม 40 ส.ว. มีมติใน 3 ประเด็นคือ 1.เพิ่มระยะเวลาในการศึกษาเป็น 3 เดือน เพื่อศึกษาอย่างรอบคอบ รวมถึงการทำประชาพิจารณ์ 2.ควรให้องค์กรอื่น เช่น นิด้า และทีดีอาร์ไอ ศึกษาคู่ขนานไปด้วย และ 3.ให้คณะกรรมาธิการวุฒิสภา 5 คณะ เข้าตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล ร่วมกันตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป

“ขอตั้งข้อสังเกตว่าโครงการใดที่รัฐบาล เป็นผู้ลงทุนมักจะมีปัญหาเรื่องการขาดทุน ขณะที่โครงการที่เอกชนเป็นผู้ดำเนินการจะไม่มีปัญหานี้ เช่น โครงการรถเมล์ขาวของนายเลิศ ได้กำไรจนสามารถสร้างโรงแรมใหญ่แห่งหนึ่งได้” น.ส. รสนา กล่าว เมื่อถามว่ามองว่าการใช้เวลา 1 เดือนเป็นการถ่วงเวลาเพื่อให้ พ.ร.ก.เงินกู้ 4 แสนล้านบาท และร่าง พ.ร.บงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ผ่านสภาไป น.ส.รสนา กล่าวว่า แม้จะผ่านสภาไปแล้วทางกลุ่ม 40 ส.ว.ก็จะไม่ ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่าน

ม็อบพขร.-กระเป๋า-กระปี๋บุก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุม ครม. ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก. พร้อมด้วยพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร กว่า 100 คน นำโดยนายไพฑูรย์ พุ่มเพ็ง แกนนำกลุ่ม เดินทางมาชุมนุมคัดค้านโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน ที่นำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักสลับสับเปลี่ยนกันปราศรัยประท้วงที่บริเวณริมคลองผดุงกรุงเกษม ฝั่งวัดโสมนัสราชวรวิหาร ซึ่งเป็นจุดใกล้กับอาคารสำนักเลขาธิการ ครม. ที่ใช้เป็นที่ประชุม ครม.มากที่สุด

ตั้ง“สถิตย์”ปลัดคลัง-โยกขรก.

วันเดียวกัน นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ได้แก่ นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ รองปลัดกระทรวงฯ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงฯ นายมนัส แจ่มเวหา รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบการเงินการคลัง กรมบัญชีกลาง นาย ช.นันท์ เพ็ชญไพศิษฏ์ เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 9 กรมสรรพากร เป็นที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพ กรมสรรพากร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นต้นไป

นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติแต่งตั้งนายจิรเดช อานุภาวธรรม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และแต่งตั้งข้าราชการในสังกัดกระทรวงพลังงาน ประกอบด้วย 1.นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ไปเป็นผู้ตรวจฯ สำนักงานปลัด 2.นายพีระพล สาครินทร์ ผู้ตรวจฯ สำนักกงานปลัดฯ ไปเป็น อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน 3.นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา รองปลัดกระทรวงฯ ไปเป็นอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุมัติพลังงาน 4.นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน ไปเป็น รองปลัดกระทรวงฯ

ใช้บริการ“เกียรติ”ทำงาน ศก.

ครม.ยังอนุมัติแต่งตั้งนายเกียรติ สิทธีอมร ประธานผู้แทนการค้าไทย เป็นกรรมการ ในคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ ตามที่สำนักงานคณะกรรม การการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ นอกจากนี้ยังอนุมัติแต่งตั้ง นายสายเมือง วิรยศิริ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนา (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) สำนักงานคณะกรรม การพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็นรองเลขาธิการ กปร.

ชงจ้างต่างชาตินั่งบอร์ดรสก.

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า ในที่ประชุม ครม. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ได้รายงานให้ที่ประชุมรับทราบปัญหาการขาดแคลนผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่พบว่าในปัจจุบันมีมากถึง 16-17 แห่ง ที่ไม่มีผู้บริหาร ระหว่างนั้นนายชวรัตน์ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาว่าควรเปิดโอกาสให้ผู้บริหารจากต่างชาติเข้ามาบริหารงานในรัฐวิสาหกิจได้ เพื่อแก้ไขปัญหา ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง กล่าวแสดงความเห็นด้วย เพราะผู้บริหารคนไทยกลัวที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย คือการยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สิน จึงทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนผู้บริหารขึ้น

นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ครม.ยังเห็นชอบเรื่องการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ที่ให้จัดตั้งบริษัทลูก 2 บริษัท คือบริษัทเดินรถและบริษัทบริหารทรัพย์สิน แยกออกจาก รฟท. โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และให้ดำเนินการได้ภายใน 180 วัน โดยเฉพาะการบริหารจัดการโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ ที่ ครม.อนุมัติเงินวงเงิน 140 ล้านบาท

เพิร์คชี้ระบบราชการไทยดีที่ 3

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานจากประเทศสิงคโปร์ว่า บริษัทที่ปรึกษาความเสี่ยงด้านการเมืองและเศรษฐกิจหรือ “เพิร์ค” ซึ่งมีสำนักงาน อยู่ที่ฮ่องกง ได้เผยแพร่รายงาน 12 หน้าเกี่ยวกับระบบราชการของประเทศสิงคโปร์โดยระบุว่า จากการสอบถามนักธุรกิจต่างชาติ 1,274 คน ซึ่งทำงานอยู่ในประเทศในแถบเอเชียเหนือและใต้รวม 12 ประเทศด้วย พบว่า สิงคโปร์ยังคงติดอันดับ 1 เป็นปีที่ 3 ของการสำรวจประเทศ ที่มีระบบราชการดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ส่วน ประเทศอันดับสุดท้ายของการสำรวจได้แก่อินเดีย เพราะกระบวนการในระบบราชการดำเนินไปอย่างล่าช้าและยุ่งยาก

ในส่วนของประเทศไทย ติดอันดับที่ 3 แม้ช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับการประท้วง และรัฐบาลที่ไม่สามารถบริหารราชการได้เลยในช่วงเวลา 1 ปี แม้จะมีปัญหา แต่ข้าราชการของไทยก็ยังสามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการ ทุจริตคอร์รัปชั่น ก็ได้สร้างความลำบากให้กับประชาชนชาวไทยและต่างชาติ สำหรับการจัดอันดับมีดังนี้ 1.สิงคโปร์ 2.ฮ่องกง 3.ไทย 4.เกาหลีใต้ 5.ญี่ปุ่น 6.มาเลเซีย 7.ไต้หวัน 8.เวียดนาม 9.จีน 10.ฟิลิปปินส์ 11.อินโดนีเซีย และ 12.อินเดีย

นายกฯเห่อเสื้อสูทคูลโหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศ ก่อนการประชุม ครม.เป็นไปอย่างคึกคัก เมื่อนายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมนายสมศักดิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงฯ และนางอรพินท์ วงศ์ชุมพิศ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้นำขบวนศิลปินดารา อาทิ สมาชิกวงโปงลางสะออน “น้องเกรซ-กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า” ร่วมมอบของที่ระลึกเนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก วันที่ 5 มิ.ย.นี้ ให้กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกอบด้วย เสื้อสูท “คูลโหมด (CoolMode)” ชุดกล่องบรรจุอาหาร และถุงผ้าลดโลกร้อน

ทั้งนี้ เสื้อดังกล่าวเป็นผลงานจากโครงการส่งเสริมการพัฒนาเสื้อผ้าลดโลกร้อน ซึ่งจัดทำขึ้นโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือน กระจก (องค์การมหาชน) ร่วมกับสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอและกลุ่มผู้ผลิตสิ่งทอ ที่มีการผลิตเส้นใยหรือการใช้เทคโนโลยีการตกแต่งสำเร็จด้วยสารชีวภาพเพื่อลดอุณหภูมิผิวหนัง โดยเมื่อสวมใส่แล้วจะไม่ร้อนอบอ้าว และสามารถ ลดอุณหภูมิจากปกติได้ 1-2 องศาเซลเซียส โดยนายกฯทดลองสวมเสื้อดังกล่าวทันทีที่ได้รับมอบจากนายสุวิทย์

คลี่ปมม็อบบุกประชุมพัทยา

ที่รัฐสภา ช่วงสายวันเดียวกัน มีการประชุมคณะอนุกรรมการ ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เมืองพัทยา และภูมิภาค มีนายอโนทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้เชิญผบ.ตร. ปลัดกระทรวงมหาดไทย แม่ทัพภาคที่ 1 ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ตัวแทนจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาชี้แจงกรณีเหตุการณ์ชุมนุมในการประชุมผู้นำอาเซียนกับ คู่เจรจา ที่พัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พล.ต.ต. ปราโมช ปทุมวงศ์ รอง ผบช.ภ.2 รักษาการ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. มาชี้แจงเปิดเผยว่า วันที่ 11 เม.ย.กลุ่มคนเสื้อแดงจำนวนมากได้พยายามเข้ามาในที่ประชุม มีการปลุกระดม อ้างว่าเจ้าหน้าที่ยิงผู้ชุมนุมจนมี ผู้เสียชีวิตทำให้เหตุการณ์บานปลายจนต้องประสานหน่วยงานด้านความมั่งคงพาผู้นำประเทศ ออกจากพื้นที่ ยืนยันว่าทำดีที่สุด แต่สาเหตุและปัจจัยอยู่นอกเหนือจากการควบคุม

“ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อน้ำเงินนั้น ยืนยันว่าผมไม่เห็นเพราะอยู่ไกลจากที่เกิดเหตุ ข้อสงสัยเกี่ยวกับคนเสื้อน้ำเงินอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของคณะจเรตำรวจที่มีพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รอง ผบ.ตร. เป็นประธาน”

พท.ยันมีหลักฐานเสื้อน้ำเงิน

ด้านอนุกรรมการได้พยายามสอบถามถึงกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินว่า จากการสอบสวนมีตำรวจหรือข้าราชการให้การสนับสนุนตามที่กลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวอ้างหรือไม่ โดยนายสุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า มีรายงานทางลับว่ามีคำสั่งให้ตำรวจจาก จ.สุรินทร์ ชัยภูมิ และศรีสะเกษ แต่งกายนอกเครื่องแบบ โดยแจกเสื้อสีน้ำเงิน 2 ตัว หมวก 1 ใบ ให้เข้า มาปฏิบัติหน้าที่นอกรูปแบบ ซึ่งมีตำรวจ 70 นายขัดคำสั่งไม่ยอมปฏิบัติตาม เพราะคำนึงถึงศักดิ์ศรีที่พร้อมจะมาให้ข้อมูล

นอกจากนี้ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ส.ส.นครราชสีมา อนุกรรมการฯ จากพรรคเพื่อไทย ได้ซักถาม พล.ต.ต.ปราโมช ว่า การที่ท่านบอกว่า ไม่เห็นคนเสื้อน้ำเงิน ไปร่วมชุมนุมเป็นไปได้อย่างไร เพราะตนได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่โรงแรม โดยเห็นคนเสื้อน้ำเงินกว่า 100 คนยืนอยู่กับตำรวจร่วมสกัดกั้นผู้ชุมนุมเสื้อแดง

แกนนำเสื้อแดงเดินสายน่าน

ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวกลุ่ม นปช. ผู้สื่อข่าว จ.น่าน รายงานว่า บรรดาแกนนำ นปช. อาทิ นายสุรชัย แซ่ด่าน เดินสายเข้ามายังพื้นที่ จ.น่าน พบปะแนวร่วมและกลุ่มมวลชนคนเสื้อแดง เพื่อหารือและแนวร่วมในการรวมพลชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ในวันที่ 27 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ที่ท้องสนามหลวง นายสุรชัย กล่าวว่า ในการชุมนุมครั้งใหม่นี้จะเป็นการต่อสู้ชุมนุมอย่างสงบและยกระดับขึ้นกว่าทุกครั้ง แต่ยืนยันว่ากลุ่มเสื้อแดงจะยังเกาะกลุ่ม รวมตัวกันอย่างเหนียวแน่นเพื่ออุดมการณ์แม้จะใช้เวลายาวนานก็ตาม

ด้านนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำ นปช. และคนเสื้อแดง กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มนปช.ยังเดินหน้าต่อสู้ นัดชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงวันที่ 27 มิ.ย.นี้ เราจะเปิดประเด็นการทุจริตและนำข้อมูลหลักฐาน เช่น การประมูลราคาข้าว และโครงการเช่ารถเมล์ 4,000 คัน รวมทั้งหลักฐานในการสลายการชุมนุมช่วงวันสงกรานต์ ซึ่งถือว่าภารกิจของคนเสื้อแดงยังไม่จบ.

"อภิสิทธิ์"ยิ้มร่าพรก.กู้เงินไม่ขัดรธน.

คมชัดลึก :ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ พ.ร.ก.กู้เงินสี่แสนล้านไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ระบุเศรษฐกิจมีปัญหาต้องแก้ไขด่วน หากไม่รีบหวั่นปัญหาลุกลาม ฝ่ายค้านชี้ไม่เสียหน้าเพราะทำตามหน้าที่ จี้รัฐบาลแสดงความจริงใจ ถ่ายทอดสดการอภิปราย คาดเข้ารัฐสภา15 -16มิ.ย.นี้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 มิถุนายน ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา และลงมติวินิจฉัย กรณีที่ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งความเห็นของ ส.ส. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 185 กรณีพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคหนึ่ง และวรรคสองหรือไม่

ทั้งนี้ การประชุมใช้เวลาในการพิจารณาประมาณ 2 ชั่วโมง และใช้วิธีแจกเอกสารข่าว สรุปคำวินิจฉัยแทนการแถลงข่าว โดยเนื้อหาในคำวินิจฉัยระบุว่า คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์ในทั้งสองประเด็น ประกอบด้วย

ประเด็นแรกคือ การตรา พ.ร.ก. ตราขึ้นเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคหนึ่งหรือไม่ โดยในประเด็นนี้ คณะตุลาการเห็นว่า ขณะนี้ ภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้ประเทศไทยได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการเมืองภายในประเทศทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและผู้ลงทุน รวมทั้งก่อให้เกิดความล่าช้าในการผลักดันโครงการต่าง ๆ ของรัฐ ระบบเศรษฐกิจเกิดการขาดสภาพคล่องทางการเงิน โดยเฉพาะรายได้จากการส่งออก และนำเข้าก็ลดลงอย่างมาก รายได้จากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่เคยทำรายได้สูงสุดก็ลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ขาดความมั่นใจในสวัสดิภาพและความปลอดภัย

สิ่งบ่งชี้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบรุนแรงคือ มูลค่าการส่งออกของสินค้าไทยหดตัวลงอย่างรวดเร็ว รายได้จากการท่องเที่ยวลดลง ภาคธุรกิจปิดการมากขึ้นทำให้ปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้น หนี้เสียมีแนวโน้มสูงขึ้น กำลังซื้อลดลง ส่งผลให้จีดีพีหดตัวลงอย่างมาก

จากปัจจัยต่าง ๆ ทำให้รายได้ที่จัดเก็บน้อยกว่าประมาณการที่ตั้งเป้าหมายไว้ ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่อง ถึงความสามารถในการใช้จ่ายและจัดทำบริการสาธารณะ แม้ว่า รัฐจะได้ดำเนินมาตรการต่าง ๆ ทั้งการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ มาตรการทางภาษี มาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องทางการเงินให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานราก มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน การจัดทำงบประมานรายจ่ายเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 2552 หรือเร่งรัดการเบิกจ่ายของภาครัฐก็ตาม แต่ก็ยังไม่อาจทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

“เมื่อพิจารณาสาระสำคัญของ พรก.ประกอบเหตุผลในการตรา พรก. ย่อมเห็นได้ว่า การที่คณะรัฐมนตรี ตรา พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 ขึ้นมา ก็เพื่อแก้ไขวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศ มิให้ตกต่ำกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งนี้ เพื่อให้ภาครัฐในฐานะที่เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะช่วยสร้างกำลังซื้ออย่างเร่งด่วนในระระบบ ในช่วงที่กำลังซื้อจากทั้งในและต่างประเทศหดตัวลง จึงจำเป็นต้องรีบดำเนินมาตรการแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจโดยเร่งด่วน

เพื่อป้องกันปัญหาที่จะลุกลามไปทุกภาคส่วน อันเป็นการทำหน้าที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจของรัฐในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงเป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 ววรคหนึ่งแล้ว”

ประเด็นที่สองที่ต้องพิจารณาคือ พ.ร.ก.ดังกล่าว ตราขึ้นเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 284 วรรคสองหรือไม่ ประเด็นดังกล่าวคณะตุลาการเห็นว่า เมื่อพิจารณาถึงสภาพปัญหาความมั่นคงในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่ว่ามูลค่าการส่งออกที่หดตัวลงอย่างรวดเร็ว รายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลง มีการปิดกิจการหรือเพิ่มมากขึ้น ปัญหาการว่างงานเพิ่มมากขึ้น หนี้เสียพุ่งสูงขึ้น ทุกปัจจัยส่งผลกระทบให้เกิดภัยวิกฤติเศรษฐกิจ จนรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไขวิกฤติในหลายทาง แต่สภาวะเศรษกิจก็ยังคงชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นกรณีที่มีความฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วน อันมิอาจหลีกเลี่ยงได้เกิดขึ้นแล้ว

“ดังนั้น เมื่อพิจารณาถึงเหตุที่เป็นกรณีความฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็นอันรีบด่วน อันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ดังกล่าวข้างต้น ประกอบสาระสำคัญและกรอบการดำเนินการตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 แล้ว ยังไม่มีมูลกรณีให้เห็นว่า คณะรัฐมนตรีได้ตรา พรก.ขึ้นมาโดยไม่สุจริตหรือใช้ดุลยพินิจบิดเบือนหลักการรัฐธรรมนูญ จึงเห็นว่า การตรา พ.ร.ก.นี้ขึ้นมา เป็นกรณีความฉุกเฉินที่มีความจำเป็นอันรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคสองแล้ว”

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังทราบคำวินิจฉัยว่า พรรคเพื่อไทยได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบแทนประชาชนแล้ว ซึ่งพรก.ฉบับนี้จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาในการประชุมสมัยวิสามัญนี้ ขอเรียนร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจ โดยถ่ายทอดสดการอภิปรายฯ เพื่อให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของเงินและเจ้าของประเทศทราบ ข้อเท็จจริง โดยฝ่ายค้านจะนำเสนอข้อเท็จจริงและชี้ให้เห็นว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวจริงหรือไม่

เมื่อถามว่า มติศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาถือว่าฝ่ายค้านเสียหน้าหรือไม่ นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการเตะถ่วง และตามกฎหมายแล้วฝ่ายค้านไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบทางการเมือง เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 185 เปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้ และเมื่อเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภา ฝ่ายค้านโดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ในฐานะประธานกรรมาธิการการเงินการคลัง การธนาคารและสถาบันการเงินสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งนายวิทยา บูรณะศิริ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคฝ่ายค้าน ก็เตรียมอภิปรายเกี่ยวกับการใช้เงินว่าสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงหรือไม่ และเมื่อรัฐบาลนำเงินไปใช้แล้วจะมีผลสัมฤทธิ์แค่ไหน และในสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกประชุมส.ส.เพื่อแบ่งทีมในการอภิปราย

ขณะที่นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านยอมรับในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนมีทั้งที่สบายใจและไม่สบายใจกับคำวินิจฉัยที่ออกมา แต่ในฐานะฝ่ายค้านก็จะทำหน้าที่ตรวจสอบ การบังคับใช้ พ.ร.ก.ต่อไปว่า การนำเงินไปลงทุนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่ การนำเงินไปปิดหีบงบประมาณ ก็ต้องมีรายละเอียดที่ชัดเจน ไม่มั่ว มีการใช้จ่ายเงินอย่างระมัดระวัง

ทั้งนี้ ก็หวังว่า รัฐบาลจะนำเงินดังกล่าวไปกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้น เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าเงิน 4 แสนล้านเป็นเช็คเปล่า ๆ ที่เหมือนรัฐบาลกรอกเอาเอง ถ้ารัฐบาลชี้แจงไม่ชัดเจนในการนำเงินไปลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจเราคงไม่เห็นด้วย ที่จะให้ พ.ร.ก.ฉบับนี้ผ่าน ในการประชุมสภา เพราะหลายโครงการไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แท้จริง แต่เป็นการเอาใจพรรคร่วมรัฐบาล แต่ถ้าชี้แจงได้ชัดเจนฝ่ายค้านก็พร้อมที่จะให้ผ่าน

"ฝ่ายค้าน คงไม่ผนึกกำลังกับส.ว.เพื่อที่จะล้มพรก.ฉบับนี้ เพราะการประชุมสภาที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่การประชุมร่วม และคิดว่า ในพรรคฝ่ายค้านก็คงไม่ต้องมีมติออกมา แต่จะเป็นการให้ผู้ที่สนใจอภิปรายไปศึกษาและมาอภิปรายในที่ประชุมสภา"

"อภิสิทธิ์"ยิ้มร่าพรก.กู้เงินไม่ขัดรธน.

รายงานข่าวจากที่ประชุมครม.แจ้งว่า ในช่วงการประชุมครม. นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้สอบถามนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีว่า ทราบผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติเป็นเอกฉันท์ว่าร่างพ.รก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาทไม่ขัดรัฐธรรมนูญแล้วหรือไม่ โดยนายอภิสิทธิ์ถามว่า มติเอกฉันท์แบบไหน นายชุมพลตอบว่า เอกฉันท์ว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จากนั้นนายกฯยิ้มและกล่าวว่า เป็นข่าวดีไม่อย่างนั้นคงต้องมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้น

คาดนำพ.ร.ก.กู้เข้ารัฐสภา15 -16มิ.ย.นี้

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ให้สัมภาษณ์หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินไม่ขัดรธน.ด้วยมติ 9 ต่อ 0 เสียงว่า วิปรัฐบาลจะประชุมกันภายในอีกครั้งในวันที่ 8 มิ.ย.นี้เพื่อกำหนดว่า จะนำ พ.ร.ก.และร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและ ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเมื่อไร

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นกำหนดว่า ในการขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญวันที่ 15-23 มิ.ย.จะนำพ.ร.ก.และร่างพรบ.กู้เงินเข้ารัฐสภาวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้จากนั้นถึงจะเป็นร่างพ.ร.บ.งบประมาณและเชื่อว่า สมาชิกทั้งสองสภาจะให้ความเห็นชอบ แม้ว่าจะมี ส.ว.จะประกาศว่าจะไม่ลงมติสนับสนุนพ.ร.ก.หากครม.อนุมัติโครงการรถเมล์เอ็นจีวีก็ตามและไม่อยากให้นำเรื่องนโยบายรัฐบาลมาต่อรองกับการลงมติ

ทั้งนี้ในช่วงดังกล่าววิปรัฐบาลได้แจ้งต่อส.ส.ที่เป็นกรรมาธิการในสภาในสัดส่วนของรัฐบาลว่า ไม่ควรเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอให้มีการประชุมพิจารณากฎหมายสำคัญก่อน เพราะหากกฎหมายสำคัญของรัฐบาลไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ครม.ก็ต้องลาออก รัฐบาลก็ต้องยุบสภาตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เชื่อว่า กฎหมายจะผ่านไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคภูมิใจไทยอาจตีรวนและงดออกเสียงพ.ร.ก.เพื่อตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์นั้น นายชินวรณ์ กล่าวว่า ในส่วนของวิปรัฐบาลที่มาจากทุกพรรคไม่มีปัญหา และไม่เคยวิตกเพราะทุกเข้าใจดีว่า ถึงความรับผิดชอบในฐานะ สส.รัฐบาลที่ต้องผ่านกฎหมายของรัฐบาล

"สุเทพ"ลั่นเดินหน้าร่างพรก.กู้เงิน4แสนล.

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม. ถึงการดำเนินการหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การออกร่างพรก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า ต้องเป็นไปตามกติกา รัฐบาลเสนอร่างพรก.ฉบับนี้เข้าสภา แต่ฝ่ายค้านบอกว่า ขัดรัฐธรรมนูญ ก็เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา เมื่อศาลพิจารณาแล้วว่า ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ สภาก็ต้องเดินหน้าพิจารณา ร่างพรก.ฉบับนี้ต่อไป

"เมื่อรัฐบาลประกาศเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี2553 ก็คงจะพิจารณา ร่างพรก.ฉบับนี้ไปด้วยเลย"

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาดูเหมือนฝ่ายค้านจะตีรวน นายสุเทพ กล่าวว่า อย่าไปคิดว่า เขาตีรวน คิดว่า เขาทำหน้าที่ของเขา และเราก็ทำหน้าที่ของเราไม่เป็นปัญหาว่ากันตามกติกา

"วิสิฐ"ชิงตัดหน้าก่อนก.ยุติธรรมส่งสำนวนกบข.ให้ป.ป.ช.

คมชัดลึก :"วิสิฐ" นัดแจง ป.ป.ท. ชิงตัดหน้าก่อน ยธ.ส่งสำนวน กบข.ให้ ป.ป.ช. "ธาริต" เผยบอร์ด กบข.อาจพ้นผิดอาญาเหตุไม่เจตนาทำผิด ขณะที่ "พีระพันธุ์" สั่งสอบเชิงลึกล้างบางคนใน กบข. ใช้ข้อมูลวงในเก็งกำไรหุ้น ด้าน "กรณ์" สั่งรื้อแผนลงทุนหวังฟื้นความเชื่อมั่น

เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่กระทรวงยุติธรรม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมสรุปผลตรวจสอบการบริหารขาดทุนของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ร่วมกับ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และทีมงานชุดเฉพาะกิจ ที่กระทรวงยุติธรรม โดยใช้เวลาในการประชุมตรวจสอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดนานกว่า 2 ชั่วโมง

นายธาริตแถลงผลการประชุมว่า รมว.ยุติธรรม ได้สั่งให้ ป.ป.ท.ตรวจสอบเชิงลึกในหลายประเด็น เช่น เรื่องการซื้อหุ้นยานภัณฑ์ ที่มีการตัดสินใจเข้าซื้อเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท แบบไม่ปกติ โดยผู้มีอำนาจตัดสินใจซื้อไปก่อน จากนั้นจึงกลับมาลงสัตยาบัน จึงอาจมีลักษณะเอื้อประโยชน์ต่อบุคคลใดบ้าง

ส่วนเรื่องบอร์ด กบข. ตามกฎหมายกำหนดให้หน้าที่หรืออำนาจในการตัดสินใจลงทุนเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง เป็นผู้ตัดสินใจลงทุน แต่บอร์ดก็ไปมอบอำนาจให้คณะอนุกรรมการจัดการลงทุนแทนในวงเงินไม่เกิน 200 ล้านบาท กลายเป็นการบริหารจัดการไม่ตรงตามกฎหมาย และนายวิสิฐก็เป็นประธานในคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว ดังนั้น จึงต้องเชิญบอร์ดมาชี้แจงว่า ทำไมจึงมอบอำนาจให้อนุกรรมการ หากการดำเนินการพบว่า ไม่มีเจตนาที่จะทุจริตก็ไม่จำเป็นต้องรับผิดทางอาญา เพราะการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายนั้น ไม่จำเป็นต้องมีโทษทางอาญาเสมอไป แต่ให้ดูที่เจตนา

“วันนี้ นายวิสิฐได้ทำหนังสือมายัง ป.ป.ท. ขอเข้าชี้แจง ดังนั้น ที่ประชุมวันนี้ จึงจะยังไม่ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. โดยจะรอให้นายวิสิฐเข้าชี้แจงในอีกหลายประเด็นที่สงสัย รวมทั้งจะมีหนังสือเชิญไปยังบอร์ด กบข.ทั้งหมด ซึ่งขอความอนุเคราะห์ให้ความร่วมมือมาชี้แจงเพื่อตอบข้อสงสัยบางประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน" นายธาริตกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานอะไรที่ระบุถึงการนำข้อมูลภายในไปใช้ในการซื้อหุ้น นายธาริตกล่าวว่า ป.ป.ท.จะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบข้อมูลเชิงลึก อย่างไรก็ตาม หากผลสอบสรุปว่ามีเจ้าหน้าที่ไม่ว่าระดับใดเข้าไปเกี่ยวข้อง จะแยกส่วนในการดำเนินการโดยพิจารณาทางวินัย หากต้นสังกัดไม่ดำเนินการ ป.ป.ท.จะส่งข้อมูลเพื่อชี้มูลความผิดไปให้

ส่วนการดำเนินคดีทางอาญา ป.ป.ท.จะส่งให้อัยการพิจารณาและหากพบว่าเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปเกี่ยวข้องมีความร่ำรวยผิดปกติจะเข้าไปตรวจสอบด้วยตาม พ.ร.บ.มาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบผลดำเนินงานของ กบข. คณะกรรมการได้พิจารณาเกี่ยวกับแผนการบริหารงานซึ่งมีผลขาดทุนในช่วงปี 2551 ตรวจพบแล้วว่า ไม่มีความผิด แต่ต้องการให้ กบข. ไปหารือกับ ก.ล.ต. เกี่ยวกับการดูแลกองทุนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของ ก.ล.ต.เพื่อให้เกิดธรรมาภิบาลและการลงทุนที่ดี เพราะเห็นว่า ต้องมีการปรับปรุงแผนการลงทุนใน กบข. อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เพื่อลดปัญหาการบกพร่องและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ข้าราชการสมาชิก กบข.

ส่วนที่สองเป็นเรื่องของตัวบุคคล คณะกรรมการต้องไปพิจารณาเกี่ยวกับความผิดทางวินัย และต้องรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบภายใน 30 วัน ถึงแม้นายวิสิฐจะลาออกจากตำแหน่งแล้ว ก็ยังต้องถูกพิจารณาผลทางวินัยด้วย ซึ่งถ้าหากมีความผิดขัดต่อกฎหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องพิจารณาความผิดดังกล่าว ส่วนพนักงาน 150 คน ที่ต้องถูกตรวจสอบไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความผิดทางวินัยต้องขึ้นอยู่กับการตรวจสอบของคณะกรรมการ

ขณะที่ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รองปลัดกระทรวงการคลัง รักษาการปลัดกระทรวงการคลัง และรักษาการประธานคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ภายในวันจันทร์ที่ 8 มิถุนายนนี้ จะเรียกประชุมคณะกรรมการ กบข. เพื่อพิจารณาวาระการลาออกของนายวิสิฐ

ส่วนประเด็นการตรวจสอบความผิดในการบริหารงานของนายวิสิฐนั้น คณะกรรมการตรวจสอบที่มีนายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ จะเป็นผู้ตรวจสอบใน 3 ประเด็น คือ 1.ปฏิบัติตามระเบียบ กบข.หรือไม่ 2.รักษาผลประโยชน์สมาชิกหรือไม่ และ 3.ได้ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานของ กบข.ให้สมาชิกทราบหรือไม่

นายวิสุทธิ์กล่าวอีกว่า นายวิสิฐกระทำผิดระเบียบ กบข. คือ ซื้อหุ้นโดยไม่ได้รายงาน และรายงานไม่ครบ ส่วนซื้อแล้วมีผลต่อการลงทุนของ กบข.หรือไม่ ต้องให้กรรมการตรวจสอบก่อน สำหรับการรักษาผลประโยชน์ของสมาชิกนั้น เห็นว่าสามารถรักษาได้ระดับหนึ่ง ส่วนการประชาสัมพันธ์ข้อมูลแก่สมาชิก ถือว่ายังมีข้อบกพร่องอยู่

"เท่าที่ดู นายวิสิฐไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กบข. และมีปัญหาเรื่องจรรยาบรรณ ส่วนจะมีคดีอาญาหรือไม่ ต้องไปดูว่าทำผิดกฎหมายอาญาหรือไม่ โดยต้องรอผลสอบชุดของปกรณ์ก่อน แต่ยืนยันว่า การลาออกของนายวิสิฐ ไม่กระทบการดำเนินงานของ กบข." นายวิสุทธิ์กล่าว

ส่วนผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งแทนนายวิสิฐนั้น รายงานข่าวระบุว่า มีตัวเต็ง 5 คน ได้แก่ 1.นางดัยนา บุนนาค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต อดีตกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย 2.นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ทีทีแอนด์ที และอดีตผู้บริหารธนาคารกรุงเทพ 3.นายพนิช วิกิตเศรษฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. สมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯ กทม. 4.นายธวัช อังสุวรังษี อดีตกรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง และ 5.นายธีรศักดิ์ สุวรรณยศ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

นายกฯคาดประชุมคกก.จำนำข้าว4มิ.ย.ไม่น่ามีปัญหา

คมชัดลึก :นายกฯ คาดถก คกก.จำนำข้าวพรุ่งนี้(4มิ.ย.)ไม่น่ามีปัญหา ยึดแนวทางคกก.ชุดกอร์ปศักดิ์ พร้อม สั่ง จนท.เร่งเปิดเส้นทางจราจร

ที่ขสทบ. เมื่อเวลา 19.45 น.วันที่ 3 มิ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำรมช.เกษตรและสหกรณ์คนใหม่เข้าถวายสัตย์ฯถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวพรุ่งนี้ (4 มิ.ย.)ว่า ตั้งใจจะให้เรียบร้อยเลย เมื่อถามว่าข้อสรุปที่ได้จะทำให้ชาวนาพอใจและยุติการชุมนุมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ที่จริงไม่น่ามีปัญหา เพราะถ้าพูดถึงข้าวนาปรัง โครงการเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ใกล้เต็มโควต้า บางหน่วยงานมีความกังวลก็ไปหยุดไว้ แต่พอเราทราบก็ประชุมทันทีคิดว่าเรียบร้อยไม่มีปัญหา

เมื่อถามว่าแสดงว่าเดินตามแนวทางเดิมของกระทรวงพาณิชย์ ไม่ใช่ของคณะกรรมการชุดที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน นายกฯ กล่าวว่า เป็นฤดูกาลเดียวกัน จะไปเปลี่ยนกลางคันไม่ได้ แต่ฤดูกาลหน้าเป็นอีกเรื่องหนึ่งยังไม่ได้คุย เมื่อถามว่ายังไม่มีการรับจำนำข้าวเพิ่มใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน ต้องมาตรวจสอบอีกครั้ง ข้าวนาปรังไม่ใช่นาปี

เมื่อถามว่าแต่มีการปลุกระดมผู้ชุมนุมเพิ่ม ทั้งที่ จ.เชียงใหม่ และเชียงราย นายกฯ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องชุมนุม รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว เมื่อถามว่าทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนนโยบายผู้ที่เคยได้ประโยชน์มักออกมาเคลื่อนไหว นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน

เมื่อถามย้ำว่ามีคนไปปลุกให้เกษตรกรเข้าใจผิดในนโยบบายของรัฐบาล นายกฯ กล่าวว่า ตนได้กำชับไปแล้วทุกหน่วยงาน ต้องทำความเข้าใจในนโยบายต่างๆ ที่มีผลต่อประชาชนให้ชัดเจนมากขึ้นและทำถี่ขึ้น รวมถึงได้สั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ให้เร่งเปิดเส้นทางการจราจรที่มีการปิดถนน เพราะถือเป็นนโยบาย ซึ่งได้ย้ำไปหลายครั้ง

"ในหลวง"รับสั่งรมช.เกษตรฯคนใหม่ทำงานให้ดี

คมชัดลึก : เมื่อเวลา 17.58 น.วันนี้ (3 มิ.ย.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำนายศุภชัย โพธิ์สุ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งนายศุภชัย โพธิ์สุ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่ ตามความในมาตรา 171 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ.2552 เป็นปีที่ 64 ในรัชกาลปัจจุบัน

โอกาสนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่ให้ดี เพราะกระทรวงเกษตรฯ มีความสำคัญ

แบงค็อกเข่น1-0,เจ้าท่าตีนครปฐม1-1

"แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด คว้าชัยหืด เล่น 9 คน เฉือนบ๊วย ศรีราชา ที่เหลือ 10 คน หวุดหวิด 1-0 ด้าน "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย หวิดดับคาบ้าน โดน นครปฐม ซัดนำ 1-0 แต่ยังฮึดไล่ตีเสมอช่วง น.96 จาก พิพัฒน์ ต้นกันยา เจ๊า 1-1 แถมไฟสนามดับเกมชะงักกว่า 10 นาที ศึก ไทยลีก นัดตกค้าง เมื่อ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา

การแข่งขันฟุตบอล "ไทยพรีเมียร์ลีก 2009" นัดตกค้าง เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. 52 ที่ผ่านมา มีลงสนามฟาดแข้ง 2 คู่ ซึ่งผลมีดังนี้

แบงค็อก ยูไนเต็ด 1 - ศรีราชา เอฟซี 0

ที่สนาม ม.กรุงเทพ รังสิต เจ้าบ้าน "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด ทีมอันดับ 10 ลงสนามพบ ศรีราชา เอฟซี ทีมบ๊วยของตาราง โดยเจ้าบ้านนัดที่แล้วเสมอ บางกอกกล๊าส มา 1-1 ส่วนทีมเยือนแพ้ เทโรฯ 2-3 และหาชัยชนะไม่เจอมา 6 นัดแล้ว เกมนี้ แบงค็อก นำทีมโดย ปุณณรัตน์ กลิ่นสุคนธ์, กิตติศักดิ์ ศิริแว่น มี ซารีฟ สายนุ้ย กับ ประเสริฐ หาดเจียง ลงเล่นหน้า ส่วน ศรีราชา ยังมี อรรถพงศ์ หนูพรหม คุมเกมแดนกลาง พร้อมด้วย วรุตม์ วงศ์ดี และ กอนซาเลซ ราอูล ชาวอาร์เจนติน่าเป็นกองหน้าตัวเป้า เกมนี้มีแฟนบอลเข้าชมค่อนข้างบางตา

เริ่มเกมครึ่งแรกท่ามกลางอากาศที่ค่อนข้างร้อนจัด แต่ทั้งสองทีมเปิดฉากแลกกันทันที แค่ 2 นาที ศรีราชาทีมเยือนได้ลุ้นก่อนจากการซัดไกลเต็มข้อของ อำไพ มุธาพร บอลพุ่งจะเสียบสามเหลี่ยม แต่ วีระ เกิดพุดซา บินปัดได้ทัน ถัดมานาทีเดียว เจ้าบ้านสวนกลับบ้าง กิตติศักดิ์ ศิริแว่น ซัดจากระยะ 20 หลา บอลเฉียดเสาออกข้าง

น.10 เจ้าบ้านโจมตีทางด้านซ้าย นันทวุฒิ ฟั่นชัยวัง ล็อคบอลหลบจากมุมธงก่อนเปิดเข้าใน ซารีฟ สายนุ้ย วิ่งเข้าแป แต่โดนไม่เต็มหน้าเท้าบอลผ่านมือ นันทพล ศุภไทย แล้วแต่ก็ยังมี สุพจน์ วงศ์หอย มาเคลียร์เตะทิ้งออกหลังได้ทัน

ทว่า น.16 เจ้าบ้านก็ได้ประตูออกนำ เมื่อได้ฟาวล์ระยะ 25 หลากลางประตู และเป็น วุฒิพันธ์ พันธะลี ดาวรุ่งตัวใหม่ของทีมซัดฟรีคิกด้วยเท้าซ้ายบอลทะลุกำแพงแล้วตกเสียบโคนเสาด้านขวา ชนิดที่ นันทพล ศุภไทย พุ่งแล้วแต่ก็เอาไม่อยู่ แบงค็อก ออกนำ 1-0

น.19 แบงค็อก ได้สวนเร็วอีกครั้ง นันทวุฒิ ฝั้นชัยวัง ลากบอลจากซ้ายก่อนไหลให้ กิตติศักดิ์ ศิริแว่น วิ่งเข้าซัดตรงเขตโทษ แต่เข้ามือ นันทพล ศุภไทย จากนั้น น.23 ศรีราชา เกือบได้ลุ้นสกอร์ เมื่อ อรรถพงศ์ หนูพรหม เปิดบอลจากกลางให้กับ ซารูตะ หลุดทางขวา กึ่งยิ่งกึ่งเปิดเข้าใน ซึ่ง เกรียงไกร ชาสังข์ ต้องวิ่งมาเตะบอลทิ้ง

น.24 ศรีราชา เตะมุมทางซ้าย วรุตม์ วงศ์ดี เปิดได้สวย วีระ เกิดพุดซา ปัดบอลออกมาเข้าทาง อรรถพงศ์ หนูพรหม แปเน้นๆ แต่บอลเหินข้ามคาน จากนั้น น.28 ทีมเยือนบุกต่อเนื่อง สุพจน์ วงศ์หอย เติมขึ้นมาทางซ้ายและซัดไกล บอลข้ามคานอีก

น.33 วีระ เกิดพุดซา ประตูเจ้าบ้านไปเจตนาถ่วงเวลาโดนใบเหลืองไปเป็นคนแรกของเกม ถัดมาสองนาที แบงค็อก ได้โอกาสสวนยาวอีกครั้ง คราวนี้ ประเสริฐ หาดเจียง ฉีกตัวได้บอลทางขวาลากตัดเข้าในแล้วซัดด้วยขวา นันทพล ศุภไทย ประตูศรีราชาคว้าไว้ได้

น.38 ศรีราชาได้ฟรีคิกระยะหวังผลบ้าง แต่กองหน้า ราอูล กลับยิงข้ามคานชนิดไม่มีลุ้น น.39 วุฒิพันธ์ พันธะลี ผู้ซัดประตูให้เจ้าบ้านนำ ก็ไปทำฟาวล์ อรรถพงศ์ หนูพรหม โดนเหลืองอีกราย ก่อนที่แบงค็อกจะเปลี่ยนตัวส่ง รามเทพ ชัยแป้น แทน ประเสริฐ หาดเจียง

น.41 ซารูตะ กองหน้าชาวญี่ปุ่นของศรีราชา โชว์ความสามารถพาบอลแหวกกองหลังแบงค็อก 3 คน แต่ชวดยิง เมื่อ มูซ่า ซาอิบ มาเบียดทางไว้ได้ วีระ จึงออกมาคว้าบอลไว้ทัน ก่อนจบครึ่งแรก แข้งเทพ นำ 1-0

เปิดฉากครึ่งหลัง น.48 เกรียงไกร ชาสังข์ กองหลัง แบงค็อก ไปฟาวล์ ซารูตะ โดนเหลือง จากนั้น น.50 วุฒิพันธ์ พันธะลี ของแบงค็อก ตัดบอลกลางสนามก่อนที่จะไหลให้ ซารีฟ ซึ่งก็คืนกลับมาให้ วุฒิพันธ์ วิ่งเข้าซัดตรงตัว นันทพล

น.54 ศรีราชา เปลี่ยนเอา สุภภรณ์ พรหมพินิจ แทน เดโก้ โรเบิร์ต เพื่อเติมเกมรุก น.59 แบงค็อก เปลี่ยนเอาจีระ เจริญสุข แทน กิตติศักดิ์ ศิริแว่น น.64 ศรีราชา ที่ตามหลังอยู่ก็ต้องเหลือ 10 คน เมื่อก่อเกริก เพ็ชรคงทอง ตัวตัดเกมของทีมโดนใบเหลืองจากการไปต่อว่าผู้ตัดสิน ถนอม บริคุต ซึ่งโดนเหลืองเตือนแล้วก็ยังไม่ยอมหยุดยังด่าอีกเลยโดนเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออก

น.65 ซารูตะ ของศรีราชาซัดเข้ากรอบ ก็ไม่ผ่านมือ วีระ เกิดพุดซา น.69 ทีมเยือนส่ง เอกชัย ฤทธิ์พันธ์ แทน อรรถพงศ์ หนูพรหม น.72 เจ้าบ้านแบงค็อก ก็ต้องเหลือ 10 คนบ้าง เมื่อวุฒิพันธ์ พันธะลี ที่มีเหลืองติดตัวมาแล้ว ไปหวด สุภภรณ์ พรหมพินิจ ไม่รอดใบเหลืองที่สองโดนไล่ออก ทำให้ตัวผู้เล่นมาเท่ากัน โดยที่แบงค็อกต้องเปลี่ยนตัวอีกครั้งเมื่อ จีระ เจริญสุข ที่เพิ่งลงไปเกิดเจ็บจึงต้องเอา ศุภเสกข์ ไก่แก้ว เล่นแทน

น.80 ศรีราชา ที่ตามหลังก็เปลี่ยนตัวคนสุดท้ายเอา วัชรพงศ์ มากกลาง แทน อำไพ มุธาพร น.83 วัชรพงศ์ มากกลาง ที่ลงไปใหม่ได้ลากเลื้อยจากขวาแล้วซัดแต่ไม่ตรงกรอบ น.85 แบงค็อกได้สวนกลับที่รามเทพ ชัยแป้น เปิดเข้ากลาง สุจริต โหม่มาเข้าทาง วิทยา หมัดหลำ ซ้ำข้ามคานง

น.86 ก็เกิดมีใบแดงอีกใบ และเป็นทีมเจ้าบ้าน ที่ต้องเล่น 9 คนเมื่อ วีระ เกิดพุดซา ประตูออกมาตัดเกมนอกเขตเพื่อสกัดบอลจากเท้าของ วัชรพงศ์ แล้วเจ็บ เกรียงไกร ชาสังข์ กองหลังเพื่อนร่วมทีมไปต่อว่าผู้ช่วยผู้ตัดสินคือ อนันต์ พยุง ถนอม บริคุต เดินมาควักใบเหลืองให้และเป็นใบที่สองก่อนตามด้วยแดงทันที เล่นเอา สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือเจ้าบ้านถึงกับมองหน้าผู้ตัดสินด้วยความโกรธ

น.90 ศรีราชาที่ตามหลังโหมบุกหนัก และได้เตะมุมติดต่อกันถึง 2 ครั้งแต่ สุภภรณ์ พรหมพินิจ กลับเปิดได้ไม่ดีพอทีมเลยชวดยิงประตูช่วงทดเวลาเจ็บที่ต่อไป 5 นาที ทีมเยือนเปิดเกมบุกแหลก แต่แบงค็อก ก็ยังช่วยกันต้านไว้ได้โดยเล่นเกมรับทั้ง 9 คน และสามารถยันไว้ได้ จบเกม แบงค็อก เอาชนะ ศรีราชาทีมบ๊วยไปได้ชนิดหืดขึ้นคอ 1-0 ทำให้มี 16 แต้มแล้ว

วาทะโค้ช

สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือ แบงค็อก - ยอมรับว่าวันนี้นักเตะเราเล่นกันหนืดและเนือยมาก ช่วงที่นำ 1-0 เราก็พยายามที่จะเล่นเกมเรื่อยเอาบอลมาครอง แต่ความที่เสียบอลง่ายทำให้เกมเป็นรอง แต่ก็สามารถประคองมาได้ ส่วนใบแดงวันนี้ถามส่วนผมก็บอกว่าไม่เห็นด้วยเลย บางทีผู้ตัดสินตัดสินเร็วไปและให้ง่ายไป การโดน 2 คนในนัดนี้มีผลต่อเกมนัดต่อไปแน่นอน ถือว่าเสียหายมาก

ครองพล ดาวเรือง โค้ชศรีราชา - วันนี้เราอ่านเกมพลาดไปหน่อยคิดว่าแบงค็อกจะมาเล่นเกมรุก แต่กลับมาเล่นเกมรับเหมือนกันทำให้เด็กเราช็อตไปบ้าง แต่ครึ่งหลังเราเปิดเกมบุกเข้าไส่ก็ได้ผลมีโอกาสเยอะ แต่สิ่งที่ทีมยังไม่ดีคือความนิ่งของนักเตะ มีโอกาสแต่จบสกอร์ไม่ดี หรือเปิดบอลในจังหวะสุดท้ายไม่แม่นยำเท่าที่ควร ก็ต้องสู้กันต่อไปอีก 3 นัดจะพยายายามทำคะแนนให้ได้ อย่างน้อยชนะบ้างเพื่อให้ทีมกลับมาสู่เส้นทางลุ้นหนีตายได้

คะแนนความสามารถทั้งสองทีม

แบงค็อก ยูไนเต็ด - วีระ เกิดพุดซา 7,ปุณณรัตน์ กลิ่นสุคนธ์6.5,มูซ่า ซาอิบ โคเน่7.5,เกรียงไกร ชาสังข์ 6,วิทยา หมัดหลำ6,กิตติศักดิ์ ศิริแว่น 6.5 (จีระ เจริญสุข-(ศุภเสกข์ ไก่แก้ว5)),อาทิตย์ บุญพา6.5,ซารีฟ สายนุ้ย6,นันทวุฒิ ฝั้นชัยวัง7,วุฒิพันธ์ พันธะลี6.5,ประเสริฐ หาดเจียง 5 (รามเทพ ชัยแป้น5)

ศรีราชา - นันทพล ศุภไทย6,ดราเม่ มากิ7,อรรถพงศ์ หนูพรหม 6 (เอกชัย ฤทธิพันธ์5),ก่อเกริก เพ็ชรคงทอง5,อำไพ มุธาพร6 (วัชรพงศ์ มากกลาง5),เดโก้ โรเบิร์ต 6 (สุภภรณ์ พรหมพินิจ5.5),สุจริต จันทกล6.5,สุพจน์ วงศ์หอย6,ซารูตะ7,วรุตม์ วงศ์ดี6.5,กอนซาเลช ราอูล 6

แมน ออฟ เดอะแมตช์ - มูซ่า ซาอิบ โคเน่ กองหลังจอมแกร่งของแบงค็อก ยูไนเต็ด

การท่าเรือไทย 1 - นครปฐม 1

ที่สนามการท่าเรือ เป็นการโคจรมาพบกันระหว่างทีม "เจ้าท่า" การท่าเรือไทย ทีมอันดับ 6 มีอยู่ 16 แต้ม ต้อนรับการมาเยือนของ "นักรบเจดีย์ใหญ่" นครปฐม ทีมอันดับ 7 มีอยู่ 16 แต้ม เกมนี้เจ้าบ้านมีตัวหลัก อย่าง พิพัฒน์ ต้นกันยา, จีรวัฒน์ มัคคะรมย์ และ อิทธิพล นนท์ศิริ ฝั่งผู้มาเยือนก็มี เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์, ไมเคิล เบิร์น และ ประหยัด บุญญา นำทัพท่ามกลางกองเชียร์แน่นสนาม

ครึ่งแรก น.3 เริ่มเกมมาไม่ทันไรท่าเรือได้ฟรีคิกระยะ18หลา จีรวัฒน์ มัคคะรมย์ ปั่นโค้งอ้อมกำแพง มานะ นพเนตร รับเข้าซองแต่กระฉอกมาเข้าทาง พิพัฒน์ ได้ซ้ำเหน่งๆ แต่ชนคานซะงั้นหวิดขึ้นนำ น.7 เจ้าบ้านหวิดได้เฮอีกครั้งเมื่อได้ลูกเตะมุม จีรวัฒน์ เปิดโค้งมาเสาแรก อิทธิพล ขึ้นโหม่งเต็มกบาลแต่หลุดเสาสองออกแค่คืบ

น.13 ผู้มาเยือนได้โอกาสบ้างเมื่อ กิตติศักดิ์ ทำฟาล์ว วิมล ในระยะ25 หลาแต่ลูกนี้ นนทพันธ์ ปั่นโด่งออกไปแบบไม่ได้ลุ้น น.24 ท่าเรือไทยที่ครองบอลได้ดีกว่ามีโอกาสอีกครั้งเมื่อ จีรวัฒน์ วางยาวให้ เจษฎา ริมเส้นซ้ายก่อนเปิดเข้ากลางให้ รังสรรค์ ได้ยิงหน้ากรอบแต่ลูกนี้ยิงไม่ดีโด่งออกหลังไป

น.32 ท่าเรือยังพับสนามบุกเป็น จีรวัฒน์ ได้ยิงอีกครั้งแต่ยังโด่งออกหลังไปไม่มีลุ้น น.33 นครปฐมเติมมามีโอกาสบ้างก่อนที่ ไมเคิล เบิร์น จะยิงไกลดูแต่ยังไม่เข้าเป้า น.41 นครปฐมที่อาศัยโต้กลับหวิดได้ประตูจากจังหวะที่ ริจีนัลโด้ จ่ายทะลุช่องให้ ไมเคิล เบิร์น ได้ยิงแต่ยังไม่ดีพอออกหลังไป

น.45 ท่าเรือยังได้ลุ้นอีกครั้งจาก เจษฎา ภู่เล็กแต่ยังออกหลังไกลทำให้จบเกมครึ่งแรกเสมอกันไปก่อน 0-0

กลับมาครึ่งหลัง น.51 นิรุตต์ ส่องให้เจ้าบ้านได้ลุ้นก่อนแต่ลูกนี้ มานะ โกล์ของนครปฐมยังพุ่งคว้าไว้ได้ น.53 กองเชียร์เจ้าถิ่นเกือบได้เฮ เมื่อ กิตติศักดิ์ ทำชิ่งกับ รังสรรค์ ก่อน รังสรรค์ เปิดจากริมเส้นเข้ากลาง กิตติศักดิ์ สไลด์ยิงที่เสาแรกบอลหลุดเสาออกแบบมีเสียว

น.55 จีรวัฒน์ ตัดบอลจากริมเส้นก่อนยัดให้ เจษฎา ตะบันเต็มเท้าบริเวณหน้ากรอบ18หลาแต่ยังเหินข้ามคานเป็นอีกจังหวะของท่าเรือไทย น.57 ท่าเรือไทยถอด กิตติศักดิ์ ธนสุวรรณ ออกให้ เอกชัย สำเร เข้าเล่นแทน

ทว่า น.59 เกมต้องหยุดลงเมื่อไฟในสนามท่าเรือไทยดับพรึบลงทันทีทำให้เกมต้องยุติไปกว่า 13 นาทีถึงกลับมาเล่นใหม่

น.63 นครปฐมโต้กลับเร็วมาได้ประตูขึ้นนำจนได้เมื่อ วุฒิศักดิ์ หลุดไปล๊อกหลบกองหลังท่าเรือก่อนยิงไปติดแผงหลังเจ้าบ้านแต่มาเข้าทางปืน ไมเคิล เบิร์น ซัดจ่อๆไม่เหลือซากสกอร์ขยับ 1-0

น.65 เจ้าถิ่นส่ง ธีระวุฒิ สัมพันธ์ แทน นิรุตน์ คำสวัสดิ์ ถัดมาสองนาที เกียรติเจริญ ตักบอลยาวให้ พิพัฒน์ เข้าไปยิงแต่ไม่ดีพอออกหลังไป น.68 ท่าเรือส่งแนวรุกเสริมอีกคนให้ ยุทธนา ไชยแก้ว แทน เจษฎา ภู่เล็ก

น.70 ท่าเรือที่โหมใส่อย่างหนักมาได้ฟรีคิกริมกรอบ18หลาฝั่งขวาแต่ลูกนี้ รังสรรค์ เปิดเข้าไปหน้าประตูโดนโขกทิ้งมาได้ น.75 กองเชียร์ท่าเรือหวิดได้เฮลั่นเมื่อ พิพัฒน์ ใช้ทักษะส่วนตัวลากเข้าไปยิงในกรอบ18หลาแต่ลูกนี้ มานะ ยังเซฟไว้ได้ทัน

น.77 เอกชัย สำเร ของท่าเรือกระชากเข้าไปส่องอีกหนแต่ยังหลุดกรอบไปก่อนที่นครปฐมจะให้ ปริญญา อู่ตะเภา แทน รีจีนัลโด้ น.80 ท่าเรือยังบุกหนัก จีรวัฒน์ ตักให้ เอกชัย โหม่งแต่หลุดกรอบไปอีก

น.84 นครปฐมส่ง เดชาวัต กลิ่นพยอม แทน ประดิษฐ์ สว่างศรีและได้ลุ้นจาก ไมเคิล เบิร์น ทิ่ชิพหน้ากรอบแต่หลุดสามเหลี่ยมแบบได้ลุ้น น.94 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บกองเชียร์ท่าเรือได้เฮลั่นเมื่อ ธีระวุฒิ สัมพันธ์ ได้ยิงจังหวะขลุกขลิกหน้าประตูก่อนจะจิ้มเข้าไปแต่ลูกนี้ผู้ช่วยผู้ตัดสินให้เป็นลูกล้ำหน้าก่อนทำให้นักเตะท่าเรือประท้วงกันยกใหญ่

น.96 กองเชียร์เจ้าบ้านได้เฮลั่นเมื่อได้เตะมุม จีรวัฒน์ เปิดเข้ามาหน้าประตู ภัสกร ตั้งอนุรักษ์ โกล์เท่าเรือขึ้นโหม่งเต็มกบาลบอลชนคานกระเด้งมาเข้าทางปืน พิพัฒน์ ซ้ำเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ 1-1และจบลงด้วยสกอร์นี้แบ่งไปทีมละ1แต้ม

วาทะโค้ช

สะสม พบประเสริฐ กุนซือ การท่าเรือไทย กล่าวว่า "วันนี้เราดีกว่าทุกออย่างแต่ขาดเพียงโชคเท่านั้นเขามีจังหวะเดียวที่ทำได้ดีคือโต้กลับซึ่งก็เป็นประตูเดียวที่นำเราคงจะต้องแก้ไขปรับปรุงต่อไปยอมรับวันนี้สปิริตนักเตะเราดีมากพร้อมทั้งผู้เล่นคนที่12ของเราต้องขอบคุณทุกคนที่มาเพื่อท่าเรือไทย

สถิตย์ ทวีนุช กุนซือ นครปฐม กล่าวว่า "เราเจอแบบนี้บ่อยครั้งจนตนรู้สึกเบื่อ อยากที่จะถอนทีมให้รู้แล้วรู้รอดเราลงทุนไปเยอะมาก แต่มาเจอกับผู้ตัดสินแบบนี้ก็แย่เพราะทดเกินไป 2 นาทีอย่างนี้ก็แย่ครับยอมรับว่าท้อมากๆ"

คะแนนความสามารถทั้งสองทีม

การท่าเรือไทย - ภัทรกร ตั้งอนุรักษ์6,รังสรรค์ เอี่ยมวิโรจน์6,พิพัฒน์ ต้นกันยา6,จีระวัฒน์ มัครมย์6,เจษฎา ภู่เล็ก6(ยุทธนา ไชยแก้ว5.5),พงษ์พิพัฒน์ คำนวน6,นิรุตต์ คำสวัสดิ์6(ธีรวุฒิ สัมพันธ์5.5),กิตติศักดิ์ ธนสุวรรณ6(เอกชัย สำเร5.5),เกียรติเจริญ เรืองปาน6,อิทธิพล นนท์ศิริ6,โมเซ่6.5

นครปฐม - มานะ นพเนตร6.5,ประหยัด บุญญา6.5,บิรอนเซ่7,วุฒิศักดิ์ มณีสุข6.5,เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์6.5,วิมล จันทร์คำ6.5,ไมเคิล เบิร์น6.5(อนุสรณ์ สีมี-),อดิศร แดงเรือง6.5,ประดิษฐ์ สว่างศรี6.5(เดชาวัต กลิ่นพยอม5.5),นนทพันธ์ เจียรสถาวงษ์6.5,รีจีนัลโด้6.5(ปริญญา อู่ตะเภา5)

แมน ออฟ เดอะแมตช์ - บิรอนเซ่ กองหลังพันธุ์แกร่งนครปฐม

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/

รัชควงชาร์ปเปิดคลินิกลูกหนังเทสโก้โลตัสปี4

เอียน รัช ตำนานดาวยิง ลิเวอร์พูล ควง ลี ชาร์ป อดีตกองกลาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดกิจกรรม "เทสโก้ โลตัส ฟุตบอลคลินิก ปี 4" ท่ามกลางแฟนๆ และสื่อมวลชนคับคั่ง แถมสองอดีตยอดนักเตะต่างคุยโวอดีตทีมตัวเองจะคว้าแชมป์ลีกฤดูกาลหน้า พฤหัสบดีที่ 4 มิ.ย. สัมภาษณ์สด สยามกีฬาทีวี เวลา 13.00 น.

เทสโก้ โลตัส ห้างสรรพสินค้าข้ามชาติชื่อดังจากอังกฤษ ตามที่ได้มีโครงการคืนกำไรตอบแทนสังคมภายใต้โครงการ "สุขภาพดี ชีวีต ดี กับเทสโก้ โลตัส" มีการจัด "เทสโก้ โลตัส ฟุตบอลคลินิก" ปี 4Ž อย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งจะนำเอานักฟุตบอลชื่อดังระดับตำนานในพรีเมียร์ลีกอังกฤษมาร่วมเปิดคลินิกสอนฟุตบอล และเล่นฟุตบอลกับเด็กๆ เยาวชนไทย ซึ่งปีนี้มี เอียน รัช กัปตันหนวดหินอดีตกองหน้าทีมชาติเวลส์ และอดีตกองหน้าทีม "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทีมดังในพรีเมียร์ลีกอังกฤษ, ลี ชาร์ป อดีตกองกลางทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค 90 และ ไคลฟ์ วอล์คเกอร์ อดีตนักเตะทีมเชลซีมาร่วมในโครงการนี้

การแถลงข่าวโครงการนี้มีขึ้นที่เทสโก้ โลตัส สาขารามอินทรา (เลียบทางด่วน รามอินทรา-อาจณรงค์) เมื่อวันพุธที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลา 16.30 น. โดยมีสื่อมวลชนประเทศไทยจากหลายสำนัก ทั้งสิ่งพิมพ์ และวิทยุ-โทรทัศน์ โดย สตีฟ แฮมเมทท์ ประธานกรรมการบริหารเทสโก้ โลตัส กล่าวถึงวัตุประสงค์ของโครงการนี้ว่าเพื่อเป็นการตอบแทนสังคม และเพิ่มพูนทักษะความสามารถในเกมฟุตบอลให้กับเด็กๆ ผ่านทางนักเตะที่เป็นขวัญใจของพวกเขา

รัช เผยถึงการได้ร่วมโครงการนี้ว่า "ดีใจที่ได้มีส่วนในการร่วมช่วยเหลือพัฒนาทักษะฟุตบอลกับเด็กๆ และเยาวชน ซึ่งไม่พลาดกับโครงการดีๆ อย่างนี้และยังมีให้การสนับสนุนด้วยดี"

ขณะที่ ชาร์ป ซึ่งมาร่วมโครงการนี้เป็นครั้งแรก กล่าวว่า "ดีใจที่ได้ร่วมโครงการนี้ซึ่งเมื่อ เอียน รัช ชวนก็ตกลงทั้งไทย สิงคโปร์ และ หลายๆ ประเทศในภูมิภาคนี้เป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเป็นมิตร และให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น แล้วอีกอย่างเด็กๆ ไทยก็เป็นเด็กที่สอนง่ายเชื่อฟังง่ายไม่ดื้อด้วย"

นอกจากนี้แล้วทั้งสองอดีตดาวเตะชื่อก้อง ยังกล่าวอีกว่าทีมของตนจะมีโอกาสคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า แต่ รัช เผยว่า ลิเวอร์พูลน่าจะทำได้ดีกว่านี้ในช่วงต้นฤดูกาลไม่ใช่ดีแต่ตอนครึ่งหลังของฤดูกาลเช่นนี้ ส่วน ลี ชาร์ป เผยว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็คงจะมีลุ้นแชมป์อีกเหมือนเดิมแต่ทีมที่มีโอกาสแย่งก็คงจะเป็นกลุ่มเดิมๆ อย่าง ลิเวอร์พูล, เชลซี, อาร์เซน่อล และต่อข้อถามที่ว่าเมื่อ คาร์โล อันเชล็อตติ โค้ชชาวอิตาลีมาคุมทีมเชลซีจะแกร่งกว่าเดิมหรือเปล่า ชาร์ป ตอบติดตลกว่า "คงจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรมากนักหรอก"

โครงการ เทสโก้ โลตัส ฟุตบอลคลินิก ปี 4 นี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างสภาหอการค้าสหราชอาณาจักรประเทศไทยมีการจัดการแข่งขันฟุตซอลรายการพิเศษเทสโก้ โลตัส บางกอกมาสเตอร์ ทัวร์นาเมนต์ 2009 และจะมีการแข่งขันเทสโก้ โลตัส เฟรนด์ลี่ แมตช์ เป็นการปะทะกันระหว่างทีมซูเปอร์สตาร์ไทยนำโดย ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน อดีตกองหน้าทีมชาติไทย, ประเสริฐ ช้างมูล, ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล และดารานักแสดงชื่อดังอย่าง "ปั๋ง" ประกาศิต, "โฬม" พัชฏะ, "เต๋า" สมชาย เจอกับทีมนักเตะดาราดังของ เอียน รัช, ลี ชาร์ป และ ไคลฟ์ วอล์คเกอร์ พร้อมกับเพื่อนๆ ที่สนามคริสตัล ฟุตบอลคลับ ในวันที่ 4 มิถุนายนแฟนๆ สามารถเข้าชม และเชียร์ได้

สำหรับวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน นี้ เวลา 13.00 น. ทั้ง รัช และ ชาร์ป จะให้สัมภาษณ์พิเศษทางสยามกีฬาทีวี เอ็นบีที 19 (ดาวเทียม) ที่สนามฟุตบอลของสยามกีฬา ซอยรามอินทรา 40 ถนนรามอินทรา คลองกุ่ม บึงกุ่ม ก่อนจะไปร่วมโปรแกรมของโครงการนี้เทสโก้ โลตัส ฟุตบอลคลินิก ปี 40 เวลา 16.30 น. เทสโก้ โลตัส เฟรนด์ลี่ แมตช์ ที่สนามคริสตัล ฟุตบอล คลับ วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน เวลา 11.00 น. เทสโก้ โลตัส ฟุตบอลคลินิก ปี 4 ที่เทสโก้ โลตัส สาขาเชียงใหม่-หางดง และวันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน เวลา 08.00 น. เทสโก้ โลตัส ฟุตบอลคลินิก ปี 4 ที่สนามฟุตบอลไทยเบฟอะคาเดมี่

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/

อสช.ธนฯบินถึงบาหลีพร้อมโม่แข้งบอลผีแดง

แข้งยังเติร์ก "เจ้าสัวน้อย" อสช.ธนบุรี ถึงบาหลีเรียบร้อย พร้อมโม่แข้งศึกแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ คัพ 2009 ชิงตั๋วใบเดียวไปชิงแชมป์โลกที่แมนฯ ยูไนเต็ด ฝั่ง โจเซ่ อัลเวส เบอร์วิช กุนซือใหญ่ ยกนิ้วความสามารถและสปิริต จะพาทีมประสบความสำเร็จได้ ตั้งเป้าแชมป์สถานเดียว ประเดิมชนเสือเหลือง ต้อง 3 แต้มเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวของทีม ร.ร.อสช.ธนบุรี แชมป์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของประเทศไทย และได้รับสิทธิ์ลงทำการแข่งขันฟุตบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2009 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย ระหว่างวันที่ 3-7 มิ.ย.นี้ ที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

ล่าสุดเมื่อเวลา 08.40 น. ได้เดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบิน ทีจี 431 เพื่อไปยังเมืองบาหลีเรียบร้อยแล้ว โดยมี โจเซ่ อัลเวช เบอร์วิช กุนซือใหญ่คุมทัพ พร้อมสตาฟฟ์ อย่าง เนติ สูนยะไกร โดยมีนักเตะอีก 16 คน ใช้เวลา 4 ชั่วโมงก่อนถึงสนามบินงูไร ของเกาะบาหลี (เวลาอินโดนีเซียเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) และเข้าพักที่ รร.เจนซิส ก่อนที่ช่วงเย็นจะเดินทางไปฝึกซ้อมที่สนามกริบต้า เกรียนย่า ประมาณครึ่งชั่วโมง โดยการฝึกซ้อมก็แค่ยืดเส้นยืดสายและดูสภาพสนามเท่านั้น

หลังการฝึกซ้อมทาง โจเซ่ อัลเวส เบอร์วิช กุนซือใหญ่ บอกว่า การแข่งขันในระบบของแมนเชสเตอร์ พรีเมียร์คัพ ที่เล่นแค่ครึ่งละ 20 นาทีแถมแต่ละวันต้องเล่นถึง 2 แมตช์ถือว่าเป็นเกมที่หนักมากๆ เลยทีเดียว แต่นักเตะชุดนี้ในเรื่องของสปิริต และความสามารถเฉพาะตัวแล้วเชื่อว่าน่าจะดีกว่าคู่แข่งทุกทีมด้วย

"แต่ทุกเกมต้องเล่นด้วยความไม่ประมาท และเป้าหมายเดียวของเราอย่างที่บอกว่าจะต้องคว้าแชมป์เพื่อไปเล่นชิงแชมป์โลกที่ประเทศอังกฤษต่อไปให้ได้ ซึ่งผมเองมั่นใจว่าจะสามารถทำตามเป้าหมายที่ทางทีมตั้งไว้ให้ได้ ด้วย"

สำหรับทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันมีทั้งหมด 5 ทีมประกอบด้วย อินโดนีเซีย เจ้าภาพ, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ฮ่องกง และไทย โดยจะแข่งขันแบบพบกันหมด เอาอันดับ 1 และ 2 มาชิงชนะเลิศกัน เพื่อหาเพียงทีมเดียวเข้าไปเล่นรอบชิงแชมป์โลกที่อังกฤษต่อไป

ส่วนผลการจับสลากที่จับประกบคู่พบกันนั้น ในวันที่ 4 มิ.ย. อินโดฯ พบ สิงคโปร์ เวลา 08.00 น. ไทย พบ มาเลเซีย เวลา 08.50 น. ฮ่องกง พบ อินโดฯ เวลา 15.40 น., อินโดฯ พบ มาเลเซีย เวลา 16.30 น. วันที่ 5 มิ.ย. ไทย พบ อินโดฯ เวลา 08.00 น., สิงคโปร์ พบ ฮ่องกง เวลา 08.50 น., อินโดฯ พบ มาเลเซีย เวลา 15.40 น., ฮ่องกง พบ ไทย เวลา 16.30 น.วันที่ 6 มิ.ย. ฮ่องกง พบ มาเลเซีย เวลา 08.00 น., สิงคโปร์ พบไทย เวลา 08.50 น. โดยทีมอันดับ 1 และ 2 ของตารางจะมาชิงชนะเลิศ ในเวลา 15.30 น.โดยทุกคู่แข่งกันที่สนาม กริบต้า เกรียนยา ในเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/

เด็กไทยซิวชัย2พ่าย1บอลเอเอฟซียู13ฯ

ไอ้หนูนักเตะ 13 ปีไทยเพลงเตะยังเฉียบขาด ทีม 1 เก็บชัยเพิ่มอีกนัด หลังปราบ ออสเตรเลีย 1 สนุก 2-1 ส่วน ทีม 2 พ่ายเจ้าภาพ 0-1 แต่มาแก้ตัว สอย สิงคโปร์ สำเร็จ 2-1 "เสี่ยชาติ" ศุภชาติ อาจวิบูลย์พร ผจก.ทีม ชี้แม้ผลงานโดยรวมออกมาดี แต่ยังดีอีกหลายจุดต้องปรับปรุง ศึกลูกหนัง "เอเอฟซี ยู 13 เฟสติวัล ออฟ ฟุตบอล 2009" ที่ มาเลเซีย เมื่อ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา

สาโรช ล้วนเหล่าอังกูร ผู้สื่อข่าว นสพ.สยามกีฬา และฟุตบอลยามรายวัน พร้อมด้วย ปรัชญา บุญเจริญ ช่างภาพ สยามกีฬา ทีวี เอ็นบีที 19 ที่เดินทางมาเกาะติดสถานการณ์ทีมยช. 13 ปีทีมชาติไทย ร่วมศึก "เอเอฟซี ยู 13 เฟสติวัล ออฟ ฟุตบอล 2009" ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย

เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นวันที่ 2 ของการแข่งขันนั้นทีมยู 13 ปีไทย มีคิวลงแข่งขันอีก 3 เกม หลังจากเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมาเป็นนัดเปิด ทีมไทยโชว์ฟอร์มสุดยอดเป็นชาติเดียวจาก 10 ชาติที่ทำผลงานด้วยการชนะ 3 เกมติดต่อกันลงสนามไม่ว่าจะเป็นชุด 1 ที่ชนะได้ ทั้ง เวียดนาม และ พม่า ชุด 1 ไป 2-0 และ 2-1 และ ชุด 2 ชนะ ทีมกัมพูชา ชุด 2 ไป 2-0 ได้ลงเตะอีก 3 เกม

โดยผลงานจากรูปแบบการแข่งขันเหมือนวันแรกคือเล่นเกมละ 30 นาทีเกมเดียวจากทีม 3 ชุดมีดังนี้ เกมแรกทีมชุด 2 แพ้ นัดแรกของทัวร์นาเมนต์นี้ให้กับ มาเลเซีย เจ้าภาพ ชุด 2 ไป 0-1, ทีมไทยชุด 1 ชนะ ออสเตรเลีย ชุด 1 2-1 และทีมไทย ชุด 2 ชนะ สิงคโปร์ 2-1

หลังผ่านการลงสนามไปแล้วรวม 6 เกม "เสี่ยชาติ" ศุภชาติ อาจวิบูลย์พร ผจก.ทีมกล่าวถึงผลงานของทีมว่า "แม้เราจะทำผลงานในส่วนของผลการแข่งขันที่ออกมาถือว่าดีแต่หากดูไปเจาะลึกลงไปที่เกมแล้วยังมีอีกหลายจุดที่ต้องแก่ไขอยู่ โดยรายการนี้เชื่อว่าจะทำผลงานได้ออกมาดีจากบรรดาทั้งหมด 10 ชาติได้อย่างแน่นอน"

สำหรับโปรแกรมวันพฤหัสบดีที่ 4 มิ.ย.นี้ ทั้ง 10 ชาติไม่มีโปรแกรมการแข่งขันแต่จะมีการทดสอบความสามารถด้านฟุตบอลรวม 4 สถานีก่อนจะกลับมาเตะกันใหม่อีกครั้งในวัน 2 วันสุดท้าย 5-6 มิ.ย. ต่อไปโดยโปรแกรมวันที่ 5 มิ.ย.ทีมยู 13 ปีทีมชาติไทยจะลงเตะทั้งทีมชุด 1 และ 2 กับมาเลเซียและ อินโดนีเซีย

ส่วนผลคู่อื่นๆ เมื่อ 2 มิ.ย. นั้น มีดังนี้ มาเลเซีย ทีม 1 แพ้ อินโดฯทีม 1 0-1, ลาวทีม 1 เสมอ ออสเตรเลีย ทีม 1 0-0, กัมพูชา ทีม 1 แพ้ สิงคโปร์ ทีม 1 0-2, เมียนม่าร์ ทีม 1 ชนะ ฟิลิปปินส์ ทีม 1 1-0, มาเลเซียทีม 2 เสมอ ออสเตรเลีย ทีม 2 0-0, อินโดนีเซีย ทีม 2 ชนะ ลาว ทีม 2 2-0, สิงคโปร์ทีม 2 เสมอ เมียนม่าร์ ทีม 2 1-1, มาเลเซีย ทีม 1 เสมอ ลาว ทีม 1 0-0, กัมพูชา ทีม 1 ชนะ เวียดนาม ทีม 1 1-0

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/

ไทยลีกนัดตกค้างแบงค็อกขอ3แต้ม

ไทยพรีเมียร์ลีก นัดตกค้าง กลางสัปดาห์ พุธที่ 3 มิ.ย.มี 2 คู่ฟาดแข้ง การท่าเรือไทย เปิดรังคลองเตย รับ นครปฐม เอฟซี ต่างโวได้ 3 แต้มแน่ ขณะที่ แบงค็อก ยูไนเต็ด ลบฝันร้ายในเกมที่เสมอ บางกอกกล๊าส สมชาย ทรัพย์เพิ่ม ตั้งต้นใหม่ ส่งชุดเดิมขยี้ ศรีราชา ในบ้าน แต่ทีมบ๊วยลั่นหลังชนฝา ขอเปิดหน้าสู้เพื่อขอชัยชนะเท่านั้น

ศึกการฟาดแข้งลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีก 2009 มีเกมตกค้าง ในวันพุธที่ 3 มิ.ย.ด้วยกัน 2 คู่ คือ การท่าเรือไทย พบ นครปฐม เลื่อนมาจากวันที่ 5 เม.ย.เกมนี้จะลงเตะที่สนาม PAT สเตเดี้ยม คลองเตย เวลา 17.30 น. อีกคู่ แบงค็อก ยูไนเต็ด จะเจอกับ ศรีราชา เอฟซี เลื่อนมาจากวันที่ 10 มิ.ย.โดยจะแข่งที่สนาม ม.กรุงเทพ รังสิต เวลา 16.30 น.

แบงค็อกลืมฝันร้ายขอ3แต้มเท่านั้น

ความพร้อมก่อนลงสนามนัดนี้ ทางด้านเจ้าบ้าน "แข้งเทพ" แบงค็อก ยูไนเต็ด อันดับที่ 10 ของตาราง มี 13 แต้ม ตัวผู้เล่นสมบูรณ์ทุกตำแหน่ง และไม่มีใครโดนแบน รอเพียงความฟิตของ จีระ เจริญสุข คนเดียวเท่านั้น สมชาย ทรัพย์เพิ่ม กุนซือใหญ่ ที่ฉุนไม่หายกับเกมที่เสมอ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1-1 ที่มาโดนช่วงนาทีสุดท้าย เผยว่า เหตุการณ์ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไป แม้ว่าจะโมโหกับผู้ตัดสินที่ไม่น่าจะผิดพลาด แต่เราก็ต้องลืม ถือว่าทุกคนก็ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว โดย 11 ตัวแรกยังใช้ชุดเดิมก่อน ค่อนข้างลงตัวที่สุด และช่วง 2-3 นัดที่ผ่านมาก็เล่นได้ดีด้วย เราเสียประตูยากขึ้น แต่ว่ากองหน้าก็ยังต้องปรับแก้ไขในจังหวะการยิงมากกว่านี้ ซึ่งการเจอกับ ศรีราชา ต้องบอกว่าไม่ง่ายเหมือนกัน ที่ผ่านมาเล่นได้ดี เพียงแต่พวกเขาเป็นทีมวัยรุ่น บางครั้งเบียดกันนานๆ ก็ยุบได้ แต่ถ้าพวกเขายิงนำก่อนก็จะมีลูกฮึด เกมนี้เราต้องระวังเรื่องการโต้กลับเท่านั้น ถ้าบล็อกได้ และยื้อเกมให้เป็นของเรา เชื่อว่าน่าจะเบียดชนะได้

ศรีราชาไม่มีอะไรเสียเปิดเกมแลกหมัด

ด้านทีม “บลูมาลีน” ศรีราชา เอฟซี ที่ตกไปเป็นทีมบ๊วย มี 6 แต้ม ผลงานที่ผ่านมายังหาชัยชนะไม่เจอมา 6 นัดติดต่อกัน สภาพทีมไม่มีใครโดนแบน และได้รับบาดเจ็บ “โค้ชทู” ครองพล ดาวเรือง เปิดใจว่า เราไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว ไม่ว่าจะเจอทีมไหนในช่วง 4 นัดสุดท้ายก่อนจบเลกแรกเราจะเปิดเกมสู้เพื่อเน้น 3 แต้มเท่านั้น เกมนี้ก็เช่นกัน ยอมรับว่า แบงค็อก เขากำลังเข้าฟอร์ม และเล่นในบ้าน แต่อย่างที่บอกเราไม่มีอะไรต้องเสีย ต้องเดินเกมบุกเท่านั้น หวังเพียงกองหน้ายิงประตูได้เฉียบคม กองหลังช่วยกันเล่นก็น่าจะมีโอกาสชนะได้เช่นกัน

เปิดสถิติเกมเหย้าเยือนไม่ดีทั้งคู่

สำหรับทีม แบงค็อก ยูไนเต็ด กับ ศรีราชา ในอดีตยังไม่เคยพบกันมาก่อน เนื่องจากเล่นกันคนละลีกมาตลอด เพิ่งจะเจอกันนัดแรกในเกมนี้ ส่วนสถิติการเล่นในบ้านของ แบงค็อก ปีนี้แข่งมา 5 นัด ชนะเพียง 1 นัด และเสมอ 4 ถือว่าไม่ดีนัก ส่วนสถิติการเล่นทีมเยือนในปีนี้ของ ศรีราชา ก็ไม่ดีเช่นกัน คือแข่ง 6 ไม่ชนะใคร เสมอ 2 นัด และแพ้ถึง 4 นัดเลยทีเดียว

โผ11ตัวแรกใช้ชุดเดิมลงบู๊

ส่วนการจัดทัพในเกมนี้ เจ้าบ้าน แบงค็อก ยูไนเต็ด เน้นการใช้ตัวเดิมจากนัดที่แล้วยกชุด ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู วีระ เกิดพุดซา เซนเตอร์ ซาอิบ,ปุณณรัตน์ กลิ่นสุคนธ์ แบ็กขวา ชมพู แสงโพธิ์ แบ็กซ้าย อาทิตย์ บุญพา กองกลาง วุฒิพันธ์ พันธะลี,กิตติศักดิ์ ศิริแว่น,วิทยา หมัดหลำ,จีระ เจริญสุข กองหน้า ซารีฟ สายนุ้ย กับ ประเสริฐ หาดเจียง

ส่วน ศรีราชา ก็ใช้ตัวหลักลงครบชุด ประกอบด้วย ประตู นันทพล ศุภไทย เซนเตอร์ สุจริต จันทกล,เดโก้ โรเบิร์ต แบ็กซ้าย สุพจน์ วงศ์หอย แบ็กขวา ก่อเกริก เพ็ชรคงทอง กองกลาง วรุตม์ วงศ์ดี,อรรถพงศ์ หนูพรหม,สุภภรณ์ พรหมพินิจ,ซารูตะ กองหน้า สนอง ชัยประโคม กับ แบ็ตโต้ ราอูล

ท่าเรือโวทีมลงตัวขอเก็บชัยในบ้าน

ส่วนเกมระหว่าง การท่าเรือไทย เปิดรังพบกับ นครปฐม เอฟซี โดย "สิงห์เจ้าท่า" รั้งอันดับที่ 6 มี 16 แต้ม เกมนี้ไม่มีใครโดนแบน แต่ว่ามีตัวเจ็บเยอะ ไม่ว่าจะเป็น จีรวัฒน์ มัคคารมย์ ตัวปั่นฟรีคิก มาริโอ กองหน้าชาวบราซิล และ บุญมี บุญมาก กองหลัง ซึ่ง "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ โค้ชของทีม กล่าวว่า กำลังเช็กตัวที่เจ็บว่าจะลงได้หรือไม่ แต่ยังไงเราก็มีแผนสองที่จะสับตัวเล่นอยู่แล้ว ยอมรับว่า นครปฐม เป็นทีมกำลังมาแรง เล่นด้วยความมั่นใจสูง แต่ทีมเราเองที่ผ่านมาก็ลงตัวทุกอย่างแล้ว และทุกคนก็เข้าใจระบบการเล่นแล้ว ทำให้เกมค่อนข้างดีขึ้น ซึ่งไม่ว่าใครจะลงก็ไม่มีปัญหา เพราะเราเน้นทีมเวิร์กเป็นหลัก ยังไงเล่นในบ้านเราเน้นไปที่ 3 แต้มเท่านั้น เพื่อที่จะทำอันดับขึ้นไปให้สูงกว่านี้

นครปฐมไม่หวั่นนักเตะมั่นใจสูง

ด้านทีมลูกพระเจดีย์ใหญ่ นครปฐม เอฟซี ที่ทำผลงานขึ้นมาอยู่ที่ 7 และมี 16 แต้มเท่ากับ การท่าเรือไทย สภาพทีมสมบูรณ์ทุกตำแหน่ง เกมนี้ สถิตย์ ทวีนุช ผจก.ทีม กล่าวว่า ผลงานนอกบ้านเราอาจจะไม่ดีนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่าเราก็ไม่กลัว ท่าเรือ เนื่องจากเป็นทีมเกรดเดียวกัน และผลงานไม่ต่างกันมาก เขามีดี เราก็มีดีเช่นกัน ฉะนั้นไปเยือนนัดนี้เราเปิดเกมสู้แน่นอน โดยตัวผู้เล่นจะใช้ชุดเดิม ซึ่งทุกคนกำลังมั่นใจสูงมากในการเล่น ถ้า ท่าเรือ ประมาทเราก็อาจเสียใจได้หลังจบเกม

สถิติ3ปีหลังไม่มีใครข่มใคร

สำหรับสถิติในการเจอกันมาของคู่นี้ในช่วง 3 ฤดูกาลหลังที่ผ่านมา ปรากฎว่าเจอกัน 4 ครั้งเท่านั้น ต่างก็ผลัดกันชนะและแพ้ทีมละครั้ง ส่วนอีก 2 ครั้งเสมอกันไป คือไทยลีก ครั้งที่ 11 เลกแรก เสมอ 1-1,เลกสอง เสมอ 0-0 ไทยลีก ครั้งที่ 12 เลกแรก ท่าเรือ ชนะ 2-0 เลกสอง นครปฐม ชนะ 2-0 ส่วนสถิติการเล่นในบ้านของท่าเรือในปีนี้ เล่น 3 นัด ชนะ 2 นัดเสมอ 1 นัด ไม่แพ้ใคร และสถิตินอกบ้านของ นครปฐม ในปีนี้ เล่น 5 นัด ชนะเพียง 1 นัด เสมอ 2 และแพ้ 2

เบิร์นนำทัพนครปฐม,เจ้าบ้านมีพิพัฒน์

ส่วนการจัดทัพในเกมนี้ การท่าเรือไทย วางตัวในระบบ 4-4-2 ประตู ภัทรกร ตั้งอนุรัตน์ เซนเตอร์ มอร์ซี่ กับ อิทธิพล นนทศิริ แบ็กซ้าย พงษ์พิพัฒน์ คำนวณ แบ็กขวา รังสรรค์ เอี่ยมวิโรจน์ กองกลาง กิตติศักดิ์ ธนะสุวรรณ,เจษฏา ภู่เล็ก,เกียรติเจริญ เรืองปาน,เอกชัย สำเร และกองหน้า พิพัฒน์ ต้นกันยา กับ นิรุตน์ คำสวัสดิ์

ด้าน นครปฐม วางระบบ 4-4-2 เช่นกัน ประตู มานะ นพเนตร เซนเตอร์ ประหยัด บุญญา,อาเบด บีรอนเซ่ แบ็กซ้าย นนทพันธ์ เจียรสถาวงศ์ แบ็กขวา ประดิษฐ์ สว่างศรี กองกลาง อดิศร แดงเรือง,เอกภูมิ โพธารุ่งโรจน์,วุฒิศักดิ์ มณีสุข,ไมเคิ่ล เบิร์น กองหน้า วิมล จันทร์คำ กับ รีจินัลโด้

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/

ไทยลีกปีหน้าเริ่มม.ค.,สุเชาว์ติดยศบู๊บอลกองทัพ

ไทยพรีเมียร์ลีก ชี้ขาดคงใบแดงของ แซมมวล ป.คันนิ่งแฮม ทีมการไฟฟ้า กับ เอ็ดวานโด้ ของการท่าเรือ ที่มีเรื่องกัน ยังคงเป็นเช่นเดิม ขณะที่ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง เผยปีหน้าไทยลีก 2010 จะออกสตาร์ตเดือน ม.ค. ด้าน "กบ ไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม ติดยศสิบตรี สังกัดกระทรวงกลาโหม เตรียมช่วยทีมบู๊ลูกหนังกองทัพไทย

ความเคลื่อนไหวของ ศึกลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ที่ยังฟาดแข้งกันอยู่ในช่วงเลกแรก โดยฝ่ายจัดการแข่งขัน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก จำกัด ได้ทำการศึกษา และวัดผล รวมทั้งประเมินภาพรวมทั้งหมด ของการแข่งขันออกมาอยู่เรื่อยๆ เพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น

ล่าสุด ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บ.ไทยพรีเมียร์ลีก ออกมาเผยว่า "สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันคือ เรื่องของฝนฟ้าอากาศที่ทำให้เกมหลายคู่ต้องเลื่อนออกไป หรือบางเกมพอเล่นได้ ก็ทำให้แฟนบอลเซ็ง และนักเตะเองก็โชว์ความสามารถไม่ได้เต็มที่

เรื่องนี้ได้ปรึกษากับสมาคมฟุตบอลฯ ว่า อยากจะเลื่อนเวลาเปิดฤดูกาลให้เร็วขึ้น จะได้หนีช่วงหน้าฝนได้ คือจากเดิมปีนี้เราเปิดเมื่อเดือน มี.ค. ปีหน้าอาจจะเปิดเร็วไปเป็นเดือน พ.ย. แทน ซึ่งจะเหมาะสมที่สุด แต่ก็ถูกค้านว่าช่วงนั้นจะมีเกมของทีมชาติเยอะ ทั้งชุดใหญ่ ซีเกมส์ และฟุตบอลคิงส์คัพ

ซึ่งเราเข้าใจ เลยมาตกลงกันว่า จะเปิดฤดูกาลใหม่ 2010 เดือน ม.ค.แทน ถือว่าเป็นช่วงต้นปีเลย และจะไปหยุดพักเลก เดือน เม.ย. ซึ่งก็เหมาะสม เพราะช่วงนั้นอากาศร้อนมาก ได้พักกลับมาเดือน มิ.ย.-ก.ค. เล่นเลกสองก็เข้าสูช่วงปลายฝน น่าจะพอเล่นได้ จากนั้นจะแจ้งให้ทุกทีมทราบว่า ปีหน้าลีกของเราจะเปิดเร็วขึ้น ยังไงจะได้เตรียมทีมกันได้ทัน

ส่วนเรื่องของพิจารณาโทษต่างๆ ตอนนี้มีเพียงเกมระหว่าง บีอีซี เทโรศาสน กับ ศรีราชา ซึ่งในเกมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่มามีนอกเกมที่เป็นกลุ่มแฟนบอลเท่านั้น ตรงนี้เราไม่มีพยานหลักฐาน และเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่จะเข้ามาจัดการ

ด้านการยื่นอุทธรณ์กรณีใบแดง เกมที่การไฟฟ้าฯ พบกับ การท่าเรือไทย เมื่อวันที่ 30 พ.ค. และมีใบแดงเกิดขึ้นฝ่ายละคน คือ แซมมวล ป คันนิ่งแฮม ของไฟฟ้า และ เอ็ดวานโด้ กองหน้าของการท่าเรือ ฝ่ายพิจารณาได้ศึกษาเทปแล้ว ถือว่าผิดทั้งคู่และสมควรได้รับใบแดง จึงยังยืนยันคงเดิมให้เป็นใบแดงต่อไป

สุรัตน์ช่วยชลบุรีเตะเมดานนัดสุดท้าย

ขณะที่ แข้งเศรษฐีรายใหม่ของไทย "ปาน" สุรัตน์ สุขะ ที่จะเดินทางไปค้าแข้งกับสโมสรใหม่ เมลเบิร์น วิกตอรี่ ในเอลีก ประเทศออสเตรเลีย ได้ควงคู่กับ อาทิตย์ สุนทรพิธ มาเปิดใจในรายการ นานาทรรศนะกับบิ๊กจ๊ะ ทางสยามกีฬา เอ็นบีที 19 เมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ตอนนี้ขอมีสมาธิในการรับใช้ทีมชลบุรีอย่างเต็มที่ทุกนัด โดยขอพาทีมเพื่อเป็นแชมป์ในเลกแรกให้ได้ และจะขอเล่นนัดสุดท้ายกับชลบุรีในศึกเอเอฟซีคัพ รอบสองที่จะพบกับ สโมสรเมดาน ของอินโดนีเซีย วันที่ 21 มิ.ย.นี้ จากนั้นจะเดินทางไปออสเตรเลียวันที่ 23 มิ.ย.ต่อไป โดยเจ้าตัวมั่นใจว่าสภาพร่างกายจะเล่นได้ และจะปรับตัวเข้ากับสโมสรใหม่ได้อย่างแน่นอน

"สุเชาว์" ได้ติดยศสิบตรีเล่นบอลกองทัพ

ด้านสุดยอดกองกลาง ที่หลายทีมต้องการตัวมากที่สุด "กบ ไซเบอร์" สุเชาว์ นุชนุ่ม ของสโมสร ทีโอที ฟอร์มถูกใจทางกระทรวงกลาโหม และมีความประพฤติดี ดึงเข้ารับราชการทหาร ติดยศสิบตรี

เรื่องนี้ สุเชาว์ เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า "ถือเป็นความมั่นคงของชีวิตในอนาคตด้วยที่ได้รับราชการ เพราะเราสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลทั้งตัวเราและครอบครัวได้ ซึ่งสิ่งที่จะตอบแทนก็คือการเล่นฟุตบอลให้กับกระทรวงกลาโหมในฟุตบอลกองทัพไทย ที่จะส่งเข้าแข่งขันเป็นปีแรก ส่วนต้นสังกัดยังอยู่กับทีโอทีต่อไป

เมืองทองคว้า 2 แข้งไอวอรี่โคสต์เสริม

ขณะที่ความเคลื่อนไหวของทีม เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ทีมรองจ่าฝูงไทยลีก ที่จะมีโปรแกรมลงสนามเจอกับ ทีทีเอ็ม-สมุทรสาคร วันที่ 7 มิ.ย.นี้ ก็ทำการซ้อมท่ามกลางสายฝนเช่นเดิม หลังจากที่ปล่อยพักมา 1 วัน ซึ่งสภาพทีมเมืองทองฯ ถือว่าสมบูรณ์ทุกตำแหน่งในเกมนัดนี้

ส่วนการเปลี่ยนแปลงทีมในช่วงพักเลกแรกนี้ โรเบิร์ต โปรคูเรอร์ ผจก.ทีมเผยว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงครบ 5 คนแน่นอน ซึ่งตัวที่ออกไปก็คือ มุสตาฟา ที่จะไปเล่นกับฮองอันห์ยาลายในเวียดนาม ส่วนที่จะมาเสริมนอกจากแข้งนักเตะไทยแล้ว ก็จะมีตัวจากไอวอรี่โคสต์มาอีก 2 คนด้วยกัน เพื่อเสริมเกมรุก เชื่อว่าเกมเลกสองการแย่งแชมป์จะดุเดือดแน่นอน ทีมไหนเสริมตัวได้ดี และยืนระยะได้ก็น่าจะคว้าแชมป์ไปครอง

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/