Sunday, February 21, 2010

จ่อฟันหนักแฟนเจ้าท่า ยอดคนเจ็บเกือบ 40 ราย

หลังจากเกิดเหตุการณ์ แฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี บางกลุ่ม ไล่ทำร้ายร่างกาย แฟนบอล เมืองทองฯ ยูไนเต็ด ในศึกลูกหนังชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่สนามศุภชลาสัย ยังผลให้ แฟนบอลเมืองทองฯ ได้รับอาการบาดเจ็บกันระนาว ซึ่งเกมการแข่งขันดังกล่าวแม้ไม่จบ แต่ผู้ควบคุมการแข่งขันยกให้ เมืองทองฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายชนะ การท่าเรือไทย เอฟซี 2-0 จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้คนทุกภาคส่วน ต่างก็รับไม่ได้

ขณะเดียวกันทีมข่าวสยามกีฬารายวัน ได้รับการเปิดเผยจาก "บิ๊กย้อย" พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผช.ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ถึงรูปคดี ที่เร่งดำเนินการหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้เร็วที่สุด "เบื้องต้นตนได้รับความร่วมมือ จากสื่อมวลชนทุกช่อง นำเอาภาพเหตุการณ์ทั้งหมด ในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ประเภท ก มาให้ ซึ่งก็ได้เห็นตัวผู้กระทำความผิดทั้งหมดแล้ว

อย่างไรก็ตามคงจะต้องมีบทลงโทษที่หนัก เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรง เหนือสิ่งอื่นใดในอนาคตสมาคมฟุตบอลฯ ต้องดูแลเรื่องนี้เป็นพิเศษ ซึ่งเหตุการณ์นี้ ถือว่าความปลอดภัยมันหละหลวมเกินไป ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะปล่อยปละละเลย"

นอกจากนั้นทางด้าน "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผจก.ทั่วไป สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ยืนยันถึงการที่จะเป็นตัวแทนของทุกสโมสร เร่งดำเนินการให้สมาคมฟุตบอลฯ ออกกฎระเบียบ ซึ่งเข้มงวดในฟุตบอลทุกรายการ ที่จัดแข่งขันในประเทศ รวมทั้งต้องมีบทลงโทษ ทีมการท่าเรือฯ ในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย

"มาถึงตอนนี้ ถ้าสมาคมฟุตบอลฯ ยังไม่รีบเร่งดำเนินการให้ความเป็นธรรมแก่ ทีมแฟนบอลเมืองทองฯ ขณะเดียวกัน กฎระเบียบ การแข่งขันในอนาคตต้องเข้มงวด และมีบทลงโทษกับทีมการท่าเรือฯ ตนขอยืนยันว่า เมืองทองฯ จะไม่ส่งทีมลงแข่งขันกับ การท่าเรือฯ ทุกรายการ อาทิ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก 2 นัดเหย้า-เยือน เราพร้อมที่จะยกให้เลย 6 แต้ม ขณะที่ ฟุตบอลถ้วย เราก็จะยกชัยชนะให้เลย พร้อมกันนั้น ตนกราบขอโทษสปอนเซอร์ ที่สนับสนุนทีมเมืองทองฯ ด้วยถ้าปีนี้ เราไม่ได้แชมป์ทุกรายการ อันเนื่องมาจากผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว"

ชี้โค้ชสะสมอย่าเบี่ยงประเด็น

ผจก.ทั่วไป สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ยังกล่าวต่อไปอีกว่า "ตนอยากจะฝากถึง "โค้ชเตี้ย" สะสม พบประเสริฐ กุนซือของการท่าเรือฯ ซึ่งไม่มีวุฒิภาวะ เพียงพอต่อการทำทีม ซึ่งที่ประชุม ผจก.ทีม ที่สมาคมฟุตบอลฯ เขาก็เป็นคนพูดเองว่า อยากจะขอเป็นกรณีพิเศษให้แฟนบอลการท่าเรือฯ นำเอาพลุเข้าไปจุดในสนามได้เพื่อสร้างสีสัน ซึ่งเราขอประณามต่อแนวคิดของเขา นอกจากนั้น ตนอยากจะให้เขาออกมายอมรับในคำพูด ไม่ใช่เบี่ยงประเด็น ไปที่เรื่องของโค้ชเมืองทองฯ เป็นชนวนเหตุให้เกิดเหตุการณ์ทั้งหมด"

ขณะเดียวกัน "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผจก.ทั่วไปของ สโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ได้นำกระเช้าผลไม้ไปเยี่ยมแฟนบอลอุลตร้าเมืองทองผู้เคราะห์ร้าย ทั้ง "เลี่ยวเมืองทอง" นายธีรพล ศิระโอภาพร, "ตาหน่อย" นายชาริต หอมนาน, "เป๊กเมืองทอง" นรินทร์ ทีประวิภาต และ สิริกาญจน์ เจริญพันธุ์ ที่บ้านพักย่านนวมินทร์ พร้อมกับกล่าวขอโทษ ที่ไม่สามารถปกป้องแฟนบอลทั้งหมดของเมืองทองฯ ไม่ให้ได้รับอันตรายได้ พร้อมกันนั้นอยากจะให้เหล่า "อุลตร้าเมืองทอง" เป็นศูนย์รวมของแฟนบอลของสโมสรต่อไป"

นอกจากนั้น สิริกาญจน์ เจริญพันธุ์ เหยื่อสาวผู้เคราะห์ร้าย กล่าวกับผู้สื่อข่าวซึ่งอยู่ในอาการสลดหดหู่ ว่า "ผู้หญิงกับฟุตบอล สมัยก่อน มันมีช่องว่างห่างกันมาก แต่มาถึงตอนนี้ ต้องยอมรับว่าเสียดายโอกาสของฟุตบอลไทย ที่กำลังเจริญเติบโตไปด้วยดี ความรู้สึกก่อนหน้านี้ สำหรับตัวเองมีเพียงแค่ การรอให้ถึงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ อย่างใจจดใจจ่อ เพื่อไปเชียร์ทีมเมืองทองฯ มันสวนทางกับความรู้สึกตอนนี้ ที่ไม่เหมือนเมื่อก่อนคือห่วงตัวเองมากกว่า

อยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ออกมาแสดงความรับผิดชอบ และมีมาตรการรักษาความปลอดภัยในสนามที่เข้มงวดมากกว่านี้ เพราะแฟนบอลอันธพาล เราห้ามเขาไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อรวมตัวเป็นสาวก "อุลตร้าเมืองทอง" แล้วก็ยังไม่ท้อ พร้อมที่จะเข้าไปเชียร์ทุกนัด"

ด้าน "เลี่ยวเมืองทอง" นายธีรพล ศิระโอภาพร อีกหนึ่งแฟนบอลกลุ่มอุลตร้าฯ ที่เข้าไปช่วยปกป้อง เด็ก, ผู้หญิง ที่โดนทำร้าย จนกระทั่งเจ้าตัวถูกแทงด้วยไขควงเข้าที่ปปลายคาง จนต้องเย็บถึง 11 เข็มกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "หลังจากที่แฟนบอลการท่าเรือฯ กลุ่มดังกล่าว พังรั้วกั้น เข้ามาหา กองเชียร์เมืองทองฯ ที่อยู่ใกล้กัน ตนทนเห็น เด็ก และ ผู้หญิง ถูกทำร้ายไม่ได้ จึงเข้าไปช่วยดึงเอาคนเหล่านั้นออกมา เลยถูกโดนรุมทำร้าย ถึงขนาดที่ก้มกราบขอชีวิต

จังหวะที่แหงนหน้าขึ้น ก็โดนไขควงแทงเข้าไปปลายคางพอดี จริงๆ แล้วเราอยากเห็นฟุตบอลไทยพัฒนาทุกด้าน โดยเฉพาะการเชียร์ อย่างไรก็ตามเบื้องต้น ตนก็คงจะไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีต่อไป"

นอกจากนี้ "ครอบครัวเหลืองภูมิยุทธ" ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้าน นายธานี เหลืองภูมิยุทธ วัย 61 ปี กล่าวว่า "ลูกชายเป็นแฟนบอลเมืองทองฯ ตั้งแต่ ดิวิชั่น 2 เขาเป็นคนเริ่มให้พวกเรารู้ว่าฟุตบอลไทยลีกสมัยนี้ เล่นกันมันส์ ก็ไม่นึกเลยว่า จะต้องมาเจอกับเหตุการณ์อย่างนี้ ในสนามฟุตบอล ยอมรับว่าเสียใจมากๆ

เช่นเดียวกับ นางจินดามณี เหลืองภูมิยุทธ ภรรยา และ น.ส.จตุพร เหลืองภูมิยุทธ บุตรสาว ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุกครั้งที่ไปดูฟุตบอลไทยลีกมันคือความสนุกสนาน มันเป็นการพักผ่อนรูปแบบใหม่ของคนไทย ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน อยากให้ สมาคมฟุตบอลฯ และ บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวด แต่อย่างไรก็ตามก็ยังคงจะเดินทางไปเชียร์เมืองทองฯ ต่อไป"

แฟน "เจ้าท่า" ร่วมประณามแถมยอมรับผิด

ด้าน ยุทธนา แจ่มกระจ่าง แกนนำแฟนบอลการท่าเรือไทยฯ ที่เรียกตัวเองว่า "คลองเตยอาร์มี่" กลุ่มโซน ซี สนามแพท สเตเดี้ยม นั้น ได้ออกมาเผยว่ารู้สึกไม่สบายใจ กับการกระทำของแฟนบอลบางส่วน ที่ทำให้เสื่อมเสียทั้งหมด พร้อมร่วมประณามการกระทำของคนที่วิ่งลงไปไล่กระทืบแฟนบอล เมืองทองฯ โดยแกนนำรายนี้ ขอยอมรับผิด และสัญญาว่าจะพยายามไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

"บอกตามตรงว่า มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่แสดงความป่าเถื่อนเช่นนี้ออกมา โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นแฟนบอลขาจร ส่วนขาประจำผมบอกได้เลยว่า ทุกคนเชื่อฟังสิ่งที่ผมพูดหมด คือห้ามไม่ให้ลงไปเพื่อผสมโรง และทุกคนก็เชื่อเนื่องจากแฟนบอลที่รัก การท่าเรือฯ ด้วยใจ ซึ่งแฟนบอลเหล่านี้จะเป็นกลุ่ม "คลองเตยอาร์มี่" โซน ซี สนามแพท สเตเดี้ยม ซึ่งเป็นขาประจำ และเชียร์การท่าเรือฯ มาตลอด

ผมในฐานะแกนนำไม่รู้จะพูดอย่างไร เนื่องจากคำว่า ขอโทษ ก็คงไม่ทดแทนกับความรู้สึกของแฟนบอล เมืองทองฯ ได้ จึงได้แต่ยอมรับผิดและจะพยายามไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก อย่างไรก็ตามขอชื่นชมแฟนบอลส่วนใหญ่ ที่ไม่ไปผสมโรง รวมถึงแฟนบอลที่ลงไปเพื่อห้ามปราม ดังนั้นแสดงให้เห็นว่า พวกที่กระทำนั้นเป็นบุคคลที่ชาวการท่าเรือฯ ไม่ขอยอมรับ และขอร่วมประณามด้วย"

นอกจากนั้น ยุทธนา แจ่มกระจ่าง แกนนำแฟนบอล การท่าเรือฯ ยังได้แสดงสปิริตอีกด้วยว่า ยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในการตามล่าหาผู้กระทำผิดที่นำมาซึ่งความเสื่อมเสียต่อทางสโมสร จึงฝากบอกร้อยเวรที่ดูแลคดีรวมถึงผู้กำกับ สน.ปทุมวัน ว่าหากต้องการข้อมูลสามารถติดต่อที่ตนได้ตลอด ที่เบอร์ 08-4002-7246 ซึ่งตนยินดีให้ความร่วมมือเสมอ

แกนนำแฟนบอล การท่าเรือฯ "คลองเตยอาร์มี่" โซน ซี สนามแพท สเตเดี้ยม ยังเผยต่ออีกว่า มีโครงการที่จะไปทำบุญกันตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้ว โดยวันที่ 28 ก.พ. นี้ กลุ่มแฟนบอลการท่าเรือฯ จะไปทำบุญที่บ้านครูน้อย ด้วยการไปมอบสิ่งของให้กับเด็กๆ และเลี้ยงอาหารกลางวัน จึงอยากฝากให้แฟนบอลที่ต้องการจะร่วมสร้างกุศลครั้งนี้ สามารถติดต่อมาได้ และหากใครจะนำสิ่งของไปร่วมแจกก็ยินดีเสมอ

พิเชฐ เตรียมแถลงจันทร์นี้ 5 โมง

ด้าน พิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสร การท่าเรือไทยฯ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวสยามกีฬา ว่าในวันจันทร์ที่ 22 ก.พ. นี้ จะมีการแถลงข่าวที่สนามแพท สเตเดี้ยม เวลา 17.00 น. และเวลา 17.30 น. จะเรียกแฟนบอล การท่าเรือฯ มาเพื่อพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และให้ความรู้กันแฟนบอลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดกรณีอย่างนี้ขึ้นอีก ซึ่งตนยอกรับว่ามีความเป็นลูกผู้ชายพอ ที่จะรับผิดชอบทั้งหมดตามที่กล่าวไป

นอกจากนั้นประธานสโมสรของ "สิงห์เจ้าท่า" ยังได้เผยด้วยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ได้สบายใจแต่อย่างใด ทั้งนี้เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม อย่างไรก็ตามตนขอวอนสื่ออย่ามองว่า การท่าเรือไทยฯ เป็นจำเลยของสังคม และวงการฟุตบอลไทย ทั้งนี้มีหลายปัจจัย ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

"ผมในฐานะประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือไทยฯ เป็นคนนึงที่อยากพัฒนาวงการฟุตบอลไทย จึงได้ทำทุกอย่างเพื่อเป็นไปแนวทางเดียวกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สนามศุภฯ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ทุกคนทำเต็มที่แล้ว

อีกทั้งปัจจัยที่ทำให้เกิดเหตุก็มีหลายอย่างด้วยกัน และอยากขอบอกทุกคนเลยว่า การท่าเรือฯ ไม่ใช่จำเลยของสังคม โดยเฉพาะสื่อฯ โปรดอย่าทำข่าวที่เป็นการโจมตีทีมการท่าเรือฯ ซึ่งผมต้องขอโทษจริงๆ กับเหตุการณ์ดังกล่าว และโปรดอย่ามาซ้ำเติมกันอีกเลย"

ขณะที่แฟนบอล "สิงห์เจ้าท่า" ที่ลงไปทำร้ายร่างกายแฟนบอลคู่แข่งนั้น ทาง พิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสร เผยว่า ตอนนี้ตนมีรูปถ่ายไว้หมดแล้ว และจะมีบทลงโทษแฟนบอลตนเองอย่างแน่นอน

"นี่เป็นเรื่องของสโมสรที่จะต้องมีการลงโทษกันเอง ซึ่งผมมีรูปและเห็นชัดเจนว่ามีใครบ้าง ดังนั้นจะมีการติดตามตัวเพื่อมาลงโทษอย่างแน่นอน โดยเรื่องนี้จะเป็นบทลงโทษของทางสโมสรเอง เนื่องจากต้องการให้เป็นบทเรียนสำหรับแฟนบอลว่าจะต้องไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์ แบบนี้ขึ้นอีก"

ด้าน เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง รองประธานสโมสร การท่าเรือไทยฯ ออกมาเผยถึงการตรวจสนามศุภชลาศัยของ เอเอฟซี และผู้ควบคุมการแข่งขัน ที่สโมสร การท่าเรือฯ จะใช้เป็นสังเวียนแข้งหวดกับ ดานัง ยอดทีมจากเวียดนาม ในศึกเอเอฟซี คัพ ในวันพุธที่ 24 ก.พ. ว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะการแข่งขันถ้วยเอเชีย ไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันในประเทศ แต่ยอมรับว่าอาจจะมีผลจากเหตุการณ์เมื่อวาน ซึ่งคงต้องลุ้นกันอีกที หลังจากที่เอเอฟซีจะเข้ามาตรวจในเช้าวันจันทร์นี้

"ยังไม่ทราบว่าทาง เอเอฟซี จะมาตรวจสนามเมื่อไหร่ ระหว่างเย็นวันอาทิตย์กับเช้าวันจันทร์ อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าเหตุการณ์เมื่อวานนี้ จะมีผลต่อการตัดสินใจของ เอเอฟซี เนื่องจากเป็นคนละทัวร์นาเมนต์กัน แต่ก็อดห่วงไม่ได้ เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่ การท่าเรือฯ ไม่เคยประสบมาก่อน ซึ่งต้องดูกันว่ามีจะผลมากแค่ไหน"

"อย่างไรก็ตาม หากสนามศุภชลาศัยไม่ผ่านการตรวจ ก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากกตอนส่งชื่อสนามไปให้ เอเอฟซี นั้น เราส่งชื่อสนามราชมังคลากีฬาสถานเป็นสนามสำรอง ดังนั้นรับรองได้ว่า การท่าเรือฯ มีสนามแข่งขันแน่นอน"

สรุปยอดคนเจ็บ 6 รพ. เกือบ 40 คน

นอกจากนั้น จากการเช็กล่าสุด จากโรงพยาบาลใกล้เคียง ประกอบไปด้วย รพ.หัวเฉียว, รพ.กลาง, รพ.ราชวิถี, รพ.จุฬา และ รพ.ตำรวจ นั้น ปรากฏว่ามีผู้เข้ามารับการรักษารวมเกือบ 40 คนด้วยกัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นแฟนบอล เมืองทองฯ ทั้งสิ้น โดย รพ.เปาโล ย่านโชคชัย 4 เยอะที่สุด มีจำนวน 20 คน, รพ.ตำรวจ 8 คน, รพ.จุฬาฯ 4 คน, รพ.หัวเฉียว 2 คน, รพ.ราชวิถี 1 คน และรพ.กลาง ที่ไม่สามารถบอกจำนวนได้ แต่คาดว่าไม่น้อยกว่า 5 คน

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสยามกีฬา ได้ทำการโทรศัพท์ไปสอบถามตามโรงพยาบาลดังกล่าว แต่ไม่สามารถให้ข้อมูลที่แน่ชัดได้ เนื่องจากเป็นความลับของทางราชการ นอกจากนั้นยังมีอีกหลายโรงพยาบาล ที่ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากแฟนบอลของทั้งสองทีม ที่ได้รับบาดเจ็บ ต่างแยกย้ายไปตามโรงพยาบาลอื่นๆ ทั่วกรุงเทพฯ

อย่างไรก็ตามทุกคนที่เข้ารับการรักษาไม่มีอาการสาหัส โดยสามารถกลับบ้านได้ทุกคน มีเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ถึงขั้นเย็บแผล

ทั้งนี้หลังจากที่ทราบว่าไม่มีใครเสียชีวิต ทำให้ผู้บริหารของทั้งสองทีม, แฟนบอล รวมถึงผู้ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดรู้สึกโล่งอก เนื่องจากภาพข่าวที่ออกไปนั้น หลายคนหนีเอาชีวิตรอดด้วยการกระโดดลงมาจากอัฒจันทร์ บางคนถูกเบียดจนไม่สามารถขยับตัวหนีไปไหนได้ แต่เมื่อทราบว่าทุกคนปลอดภัย ทำให้ทุกฝ่ายมีความสบายใจขึ้น

ขณะที่ ร.ต.ท.พิเชฐ พรมแก้ว ร้อยเวรเจ้าของคดี สังกัด สน.ปทุมวัน ได้เผยว่า มีผู้มาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันจำนวน 7 คน โดยทั้งหมดมาแจ้งว่าถูกทำร้ายร่างกายเท่านั้น โดยไม่มีการแจ้งของหายแต่อย่างใด ก่อนจะส่งตัวไปรักษาและทำแผลที่ รพ.ตำรวจ ทั้งนี้จากรายการข่าวที่ออกไปว่ามีการถูกขโมยโน้ตบุ๊กนั้น เป็นเพียงแค่การป้องกันตัวเฉยๆ ซึ่ง ร.ต.ท.พิเชฐ เผยว่า ไม่สามารถบอกได้ว่า คนที่มาแจ้งความรายนี้นั้นชื่ออะไร เนื่องจากมีผลต่อรูปคดี

ส่วน พ.ต.อ.ไพศาล ลือสมบูรณ์ ผู้กำกับ สน.ปทุมวัน เปิดเผยว่า จากที่เจ้าทุกข์มาแจ้งนั้นรวมถึงภาพข่าวต่างๆ บอกได้เลยว่าเป็นคดีทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นคดีอาญาที่ยอมความกันไม่ได้ ดังนั้นจึงจะขอเทปจากสื่อทุกแขนงให้ความร่วมมือเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ให้ถึงที่สุด

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/

No comments:

Post a Comment