Tuesday, February 23, 2010

'สะสม'ยืนยัน ไม่ใช่ต้นเหตุ แฟนบอลตีกัน

หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมการท่าเรือ ยืนยันไม่ใช่ต้นเหตุความรุนแรง แต่เป็นความผิดพลาดของหลายฝ่าย ขณะที่ประธานท่าเรือพร้อมลาออกถ้าเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก

เมื่อวัน ที่ 22 ก.พ.นายสะสม พบประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมการท่าเรือ เอฟซี ที่ถูกกล่าวหาเป็นหนึ่งในต้นเหตุให้แฟนบอลการท่าเรือยกพวกตีแฟนบอลทีมเมือง ทองฯในการแข่งขันชิงถ้วยพระราชทานก. เปิดใจผ่านรายการเจาะประเด็นทางช่อง 3 เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าไม่ใช่ต้นเหตุความรุนแรงแต่เป็นความผิด พลาดของหลายฝ่าย ขณะที่ประธานท่าเรือพร้อมลาออกถ้าเกิดเหตุซ้ำขึ้นมาอีก

"ความ รุนแรงมันเริ่มขึ้นช่วงที่เมืองทองนำ 2-0 มีการขว้างปาสิ่งของจากแฟนบอลลงมาในสนาม ขณะที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยใช้เพียงแผงเหล็กมากั้นแฟนบอลของทั้ง 2 ทีมเท่านั้น ซึ่งมันดูไม่ปลอดภัยเลย แม้จะเคยบอกเรื่องนี้กับฝ่ายจัดการแข่งขันไปแล้วแต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง แต่อย่างใด"

"ผมมีหน้าที่ควบคุมลูกทีมในสนามเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ต้องลงไปห้ามแฟนบอลที่ก่อความวุ่นวายเลย แต่ผมก็รับหน่าที่เข้าไปห้ามปรามพร้อมกับประธานสโมสรเพื่อให้เหตุการณ์คลี่ คลายลง แต่ก็ได้ระดับหนึ่ง ซึ่งผมพยายามอย่างที่สุดแล้ว"

"ผมไม่ได้ ผลักอกกุนซือทีมเมืองทอง แต่ยอมรับว่าผลักอกคุณองอาจ ก่อสินค้า ลองถามคนในสมาคมดูว่าถ้ามีความยุติธรรมพอ พวกเขาจะบอกว่าเรเน หัวหน้าผู้ฝึกสอนเมืองทองผลักอก มีอยู่จังหวะหนึ่งที่นักฟุตบอลจะเตะบอลออกเพราะมีผู้เล่นเจ็บในสนาม โดยมารยาทก็ต้องเตะบอลออก แต่ผู้ตัดสินให้เป็นลูกฟาวล์จนเป็นเหตุให้เสียประตูแรก พอเสียประตูนั้นทำให้ผมรู้สึกว่าทำไมนักเตะเมืองทองไม่เตะบอลทิ้ง แต่ไม่เป็นไรผมแพ้ก็เป็นผู้แพ้ที่ดี"

"พอเสียประตูที่ 2 แฟนบอลการท่าเรือเริ่มไม่พอใจ มีการขว้างปาสิ่งของลงมาในสนาม ผมก็เดินไปห้ามเพื่อให้มันสงบ และทำอย่างเต็มที่เพื่อให้มันจบ พอเดินกลับมาก็เข้าไปคุยกับผู้ตัดสินว่าทำพลาดไปนะ ซึ่งไม่มีอารมณ์ที่รุนแรงอะไรเลย จากนั้นเรเนปรี่เข้ามาด่าเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งธรรมชาติของกุนซือมักไม่ค่อยมีปากมีเสียงกัน แต่ผมกลับโดนใส่เป็นชุด"

"และ ที่ผมออกอาการก็คือว่าทำไมไม่ห้ามฝั่งโน้น เพราะฝั่งนั้นกระหน่ำมาอย่างเดียว และยั่วยุผมตลอดเวลา ซึ่งผมไม่ใช่พระอิฐพระปูน ผมยอมรับว่าทำพลาดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ต้องขอโทษแฟนบอลด้วย และผมยังเห็นเรเนผลักอกเลขาฯสมาคมฟุตบอลจนกระเด็นในจังหวะที่จะเข้าไป เคลียร์เหตุการณ์ ซึ่งผมว่าเขาไม่น่าทำเพราะทีมตัวเองนำอยู่ 2-0 แล้ว"

"ฝ่าย จัดการแข่งขันหรือตำรวจคุมสถานการณ์ไม่ดีทำให้เหตุการณ์บานปลาย ซึ่งผมพยายามช่วยเต็มที่แล้ว และภูมิใจในนักเตะของตัวเองที่คล้องแขนกันเพื่อกันแฟนบอลเข้ามาทำร้าย"

"ใน ปัจจุบันการแข่งขันฟุตบอลของไทยมีความเข้มข้นมากขึ้น ต้องการชัยชนะเป็นหลัก การทำฟุตบอลแล้วต้องเสียพี่เสียเพื่อนเป็นเรื่องที่ผมเสียใจมาก การทำงานสักชิ้นแล้วต้องเสียเพื่อน อย่าดีกว่า ผมไม่ได้พูดกับใคร ไม่มีสิทธิ์พูดกับใคร เพราะฉนั้นผมยอม ยอมแพ้แล้ว ปล่อยให้สถานการณ์มันผ่านไปแล้วมาแก้ไขกันดีกว่า"

"ส่วนเรื่องการนำ พลุเข้าสนามนั้นผมได้คุยกับผู้จัดการทีมเมืองทองแล้วว่ากองเชียร์ท่าเรือไม่ เหมือนทีมอื่น มีช่องเล็กๆ ก็สามารถนำเข้ามาได้ ได้เตือนฝ่ายจัดการแข่งขันให้ระวัง ผมยังเคยหาทางปิดช่องเพื่อไม่ให้ส่งของกันเลย แต่ไม่แน่ใจว่าวันนั้นทำหรือเปล่า ถ้ามีกฏห้ามนำเข้าก็ต้องห้าม ผมไม่เคยสนับสนุนให้เอาพลุเข้าสนามเลย เพราะถ้าเอาเข้ามาถึงจะเป็นสีสันแต่มันอาจสร้างปัญหานะ"

"การที่แฟน บอลของท่าเรือไปตีคนอื่น สโมสรต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว มันน่าอับอายอยู่แล้ว แต่ผมควบคุมทีมในสนามเท่านั้น ตอนจบการแข่งขันตำรวจยังเชิญผมไปพูดกับแฟนบอลหน้าสนามด้วยซ้ำ ซึ่งผมทำทุกอย่างเพื่อให้เหตุการณ์สงบ ให้มันจบ และผมไม่ใช่คนที่มีนิสัยยั่วยุ"

"สำหรับบทลงโทษที่ทีมท่าเรือจะโดน นั้น จะเป็นการตัดแต้มก็ไม่ว่ากัน ซึ่งมันขึ้นอยู่กับไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกและสมาคมฟุตบอลจะมองแบบไหน ถ้าลงโทษหนักไป แฟนบอลท่าเรือรับได้ไหม ถ้าลงโทษเบาไป แฟนบอลเมืองทองรับได้ไหม มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่จะตัดสินเรื่องนี้ถ้าเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในการ แข่งขันไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกผมพร้อมให้จัดการยังไงก็ได้"

"ในวันพุธ ที่จะเตะเอเอฟซีคัพ กับดานังถ้าในสนามไม่มีแฟนบอลของทีมท่าเรือผมบอกได้เลยว่ามีแต่เจ๊งกับเจ๊ง เพราะต้องใช้เงินอย่างน้อยเป็นล้าน เพราะเราอยากให้มีแฟนบอลเข้ามาเชียร์ ซึ่งเรามีมาตรการดูแลตรงนั้นอยู่แล้วเพื่อการันตีถึงความปลอดภัย"

"ผม ว่าเป็นเรื่องที่เลยเถิดกับกรณีที่เมืองทองจะไม่ยอมแข่งกับท่าเรือแล้วยอม เสีย 6 แต้มเพราะกีฬาก็คือกีฬา จะอ้างว่ากลัวคงไม่ได้ เพราะถ้าไม่ยอมลงแข่งอาจจะโดนมากกว่านั้นก็ได้ ต้องให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจัดการในเรื่องนี้"

"ในท้ายที่สุดผมก็ยังยืนยันว่าตัวเองไม่ผิดเพราะมีหน้าที่ควบคุมนักเตะในสนาม ไม่มีการยั่วยุใครทั้งนั้น ไม่ได้แตะตัวใครเลย"

ส่วน ความคืบหน้าเรื่องการลงโทษ นายพิเชฐ มั่นคง ประธานสโมสรทีมการท่าเรือไทย เปิดแถลงข่าวกรณีเหตุการณ์ที่แฟนบอลท่าเรือไทย ฯก่อเหตุจลาจล และทำร้ายแฟนบอลเมืองทองฯ ยูไนเต็ดว่า ขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องขอโทษแฟนบอลทีมเมืองทองฯ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้องยอมรับว่าหลังจากเกิดเหตุ สโมสรเหมือนตกเป็นจำเลยของสังคม

นาย พิเชฐ กล่าวต่อว่า "อยากให้แฟนบอลทั่วประเทศเข้าใจว่า กรณีที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจากแฟนบอลกลุ่มเล็กเท่านั้น ไม่อยากให้เหมารวมว่าแฟนบอลสโมสรการท่าเรือก่อการจราจลทั้งหมด รวมทั้งอยากวอนให้คนในวงการฟุตบอลด้วยกัน หยุดย่ำยีและซ้ำเติมการท่าเรือด้วย เพราะพวกเราไม่ใช่โจร ส่วนมาตรฐานต่อแฟนบอลที่ทำผิดนั้น ได้เตรียมมาตรการลงโทษไว้เรียบร้อยแล้ว แต่พร้อมจะให้โอกาสคนที่ทำผิดได้กลับตัวเสมอ"

นอกจากนี้ สโมสรยังพร้อมที่จะเป็นแกนนำในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจกับแฟนบอลให้เรียนรู้การรู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยด้วย

"สำหรับ มาตรการที่สมาคมฟุตบอลฯ จะลงโทษแฟนบอลทีมสิงห์เจ้าท่าห้ามเข้าชมเกมการแข่งขันเอเอฟซี คัพ รอบแรก ระหว่างการท่าเรือ พบกับ สโมสรดานัง จากเวียดนาม ที่สนามศุภชลาศัย ในวันที่ 24 ก.พ.นั้น ต้องยอมรับว่าเป็นมาตรการที่รุนแรงเกินไป แต่อย่างไรก็ตาม ก็พร้อมยื่นอุทธรณ์เพื่อช่วยให้แฟนบอลได้มีโอกาสเข้าร่วมชมในเกมนี้ แต่ถ้าผลออกมาว่าสมาคมฟุตบอลยันยืนยันตามมติเดิม ในฐานะที่การท่าเรือไทยฯ เป็นสโมสรที่สังกัดสมาคมฟุตบอลก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ก็พร้อมเดินหน้าต่อสู้เพื่อความถูกต้องและความยุติธรรมของทีมให้ดีที่สุด " บิ๊กเชฐ กล่าว

ประธานสิงห์เจ้าท่า กล่าวอีกว่า สำหรับเกมการแข่งขันเอเอฟซี คัพ ในวันพุธนี้ ทางสโมสรได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยไว้อย่างเต็มที่และรัดกุม หากเกิดสถานการณ์จลาจลอีกครั้ง ก็พร้อมรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสรทันที และฝากถึงแฟนบอลรวมถึงสโมสรฟุตบอลอื่นว่า ไม่ต้องกลัว หากมาเยือนสนามของทีมการท่าเรือ จะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เรายินดีต้อนรับทุกแฟนบอลทุกคน และขอยืนยันว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก

บิ๊ก เชฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันนี้ได้เรียกแฟนบอลที่กระทำความผิดมาชี้แจงถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวเองได้สนับสนุนให้พวกเขาเดินทางไปมอบตัว สน.ปทุมวัน เพื่อชี้แจงเหตุผลที่แท้จริงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ตนพร้อมที่จะรับผิดชอบประกันตัวแฟนบอลหากต้องถูกควบคุมตัวเพื่อ ดำเนินคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า สโมสรการท่าเรือยังไม่ได้รับรายงานข่าวในทางลบจากสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี ซึ่งในวันนี้ได้ไปตรวจความพร้อมของสนามศุภชลาศัยที่จะใช้ในการแข่งขันฟุตบอล เอเอฟซี คัพ ในวันพุธนี้

แหล่งข่าว :: http://www.thairath.co.th/

No comments:

Post a Comment