บอลไทยรื้อเอฟเอฟคัพฟาดแข้งควบไทยลีก

สมาคมลูกหนังไทย รื้อถ้วย "น็อกเอาต์ เอฟเอ คัพ" มาหวดกันอีกหน เพื่อดวลควบคู่ไปกับศึกไทยพรีเมียร์ลีก เทงบจัดกว่า 10 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินรางวัลถึง 3 ล้าน หวังให้ฟุตบอลไทยสมบูรณ์แบบ โดยให้ บ.สยามสปอร์ต รับจัดการแข่งขันเต็มตัว มีทั้งสิ้น 64 ทีมร่วมชิงชัย เปิดรับสมัครแบบโอเพ่นตั้งแต่ถ้วย ค. เริ่มคัดเลือก 15 ก.ค. จนถึงรอบชิงวันที่ 14 พ.ย.นี้

หลังจากที่เงียบหายไปนาน สำหรับศึกฟุตบอล เอฟเอคัพ ที่แข่งขันกันแบบน็อกเอาต์ ล่าสุด สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้มี นโยบายที่จะจัดการแข่งขันฟุตบอล "น็อกเอาต์ เอฟเอคัพ" อีกครั้ง เพื่อให้แข่งควบคู่กับศึกฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก จะทำให้ฟุตบอลอาชีพเมืองไทยสมบูรณ์แบบเหมือนต่างชาติ โดยได้มอบให้ "สยามสปอร์ต" รับหน้าที่จัดการแข่งขันอีกด้วย

"บิ๊กเปี๊ยก" องอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "เราได้กำหนดการแข่งขันของฟุตบอล เอฟเอคัพ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะมีทั้งสิ้น 64 ทีมร่วมเข้าแข่งขัน โดยจะแบ่งเป็น 16 ทีมสโมสรไทยพรีเมียร์ลีก 16 ทีมสโมสรลีก ดิวิชั่น 1 และอีก 32 ทีม ที่จะเปิดรับสมัครแบบโอเพ่นจาก ดิวิชั่น 2 ถ้วย ข และถ้วย ค

สำหรับการแข่งขันจะเริ่ม รอบคัดเลือก 32 ทีมจาก ดิวิชั่น 2 ถ้วย ข ถ้วย ค โดยจะเตะ ระหว่างวันที่ 15 ก.ค.-9 ก.ย. จากนั้นผู้ชนะ จะผ่านเข้ามาเล่น รอบที่สอง กับ 16 ทีมจากดิวิชั่น 1 ซึ่งจะเตะระหว่าง 23-30 ก.ย. และทีมชนะ จะผ่านเข้าสู่รอบสาม มีทีมจากไทยพรีเมียร์ลีก 16 สโมสรยืนรออยู่ โดยจะเตะระหว่าง 7-14 ต.ค. ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เตะวันที่ 21 ต.ค., รอบ 8 ทีม เตะ 28 ต.ค., รอบตัดเชือก 7 พ.ย. และกำหนดชิงชนะเลิศกัน วันที่ 14 พ.ย."

"บิ๊กเปี๊ยก" กล่าวอีกว่า "ฟุตบอล เอฟเอคัพ ยุคใหม่ เบื้องต้น ส.ฟุตบอลฯ มีเงินรางวัลรวมกว่า 3 ล้านบาท และอาจเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ หากมีสปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนมากขึ้น เพราะทางสมาคมฯ ต้องใช้เงินลงทุน ในการดำเนินการทั้งสิ้นประมาณ 10 ล้านบาท โดยจะเปิดรับสมัครทีมเข้าร่วมฟาดแข้ง รอบคัดเลือกเดือนหน้า ระหว่างวันที่ 4-30 มิ.ย."

ส่วนเรื่องการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ วันที่ 10 มิ.ย. ก่อนจะทำการจับสลากประกบคู่เตะ วันที่ 9 ก.ค. โดยทีมชนะเลิศจะได้ครองถ้วยเกียรติยศของสมาคมฟุตบอลฯ ที่สั่งทำขึ้นมาใหม่ พร้อมเงินรางวัล และได้สิทธิ์เป็นตัวแทนไป ฟาดแข้งในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรเอเชีย ถ้วย เอเอฟซีคัพ ในปี 2010 ด้วย

แหล่งข่าว :: http://www.siamsport.co.th/